เอเซอร์หันลุยตลาด’แท็บเล็ต’ แย้มมีทีเด็ดแฟบเล็ต-สมาร์ทโฟนราคาถูก
Posted by admin on
March 31, 2013
เอเซอร์ เตรียมลุยตลาดแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา หลังรุ่น Iconia B1 ขายดีเกินคาด ยอมรับสนใจตลาดแฟบเล็ตและสมาร์ทโฟน ปักธงลุยกินส่วนตลาดราคาย่อมเยา โดยเฉพาะกลุ่มต่ำกว่า 10,000 บาท…
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัวแท็บเล็ต Acer Iconia B1 ในราคาต่ำกว่า 4,000 บาท ซึ่งเป็นแท็บเล็ตเพื่อเจาะตลาดการศึกษาไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าได้การตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคโดยสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 50,000 เครื่องต่อเดือนในประเทศไทย ทั้งยังมีความต้องการจากหลากประเทศในระดับสูง เนื่องจากมีจุดเด่นที่ราคาไม่สูง แต่สามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตและการชมได้ตามสไตล์แท็บเล็ต โดยล่าสุด บริษัทวางแผนเปิดตัวแท็บเล็ตเพื่อเจาะตลาดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นระดับราคาต่ำกว่า 5,000 บาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนเปิดตัวแฟบเล็ต ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ซึ่งมีหน้าจอระหว่าง 5-7 นิ้ว โดยคาดว่าบริษัทจะเริ่มเปิดตัวสินค้าในกลุ่มราคาระดับล่างออกมาก่อน
อย่างไรก็ตาม พบว่าสัดส่วนราคาสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบัน กลุ่มที่ใหญ่สุดคือกลุ่มที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 บาท โดยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 55% ส่วนกลุ่มราคาตั้งแต่ 18,000 บาทขึ้นไปมีส่วนแบ่งตลาดราว 25% และกลุ่มที่ราคาตั้งแต่ 10,000-18,000 บาทนั้นมีส่วนแบ่งตลาดราว 20% ซึ่งบริษัทวางแผนรุกตลาดระดับล่างหรือกลุ่มราคาต่ำกว่า 10,000 บาทให้ได้เป็นกลุ่มแรกในการเปิดตลาด.
Tags: เอเซอร์หันลุยตลาดแท็บเล็ต, แย้มมีทีเด็ดแฟบเล็ต-สมาร์ทโฟนราคาถูกหนุนตั้ง ‘สมาคมอี-สปอร์ต’ พลิกวิถีเกมออนไลน์
Posted by admin on
March 31, 2013
ผู้บริหารค่ายเกมฝันตั้งสมาคมอี-สปอร์ตไทย หวังยกระดับวงการเกมออนไลน์ ยอมรับยังขาดความร่วมมือระหว่างค่าย วอนสังคมมองด้านดีของเกมบ้าง…
นายสกลกรณ์ สระกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Playinter และ Garena เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการเล่นเกมออนไลน์ในประเทศไทยได้เปลี่ยนรูปแบบโดยเริ่มเป็นการเล่นแบบอี-สปอร์ตมากขึ้น ขณะที่เวลาในการเล่นก็เปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่ามีการใช้เวลาลดลงจากเดิมที่ต้องนั่งเล่นนานเป็นวัน เหลือเพียง 20-30 นาทีต่อการเล่น 1 เกม อย่างไรก็ตาม ความนิยมอี-สปอร์ตนั้นได้กลายเป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยมในระดับโลก โดยเฉพาะเกมแนววางแผนที่กำลังได้รับความนิยมสูงมาก ส่วนความนิยมในประเทศไทยก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นที่เป็นนักเรียนระดับม.ปลาย
ส่วนความร่วมมือที่จะก่อตั้งสมาคมอี-สปอร์ตของประเทศไทยนั้น แม้จะมีการพูดถึงมาหลายปีแต่ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถก่อตั้งได้สำเร็จ เนื่องจากผู้ให้บริการเกมยังไม่มีความร่วมมือกันเท่าที่ควร ทั้งยังมีการแบ่งแยกว่าเกมนั้นอยู่ต่างค่ายกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งความหวังเป็นผู้นำในการจุดประกายและผลักดันให้เกิดสมาคมดังกล่าวขึ้นในประเทศไทยให้ได้
นายสกลกรณ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนมองภาพลักษณ์ด้านดีของเกมออนไลน์บ้าง อยากให้เข้าใจว่าทุกสิ่งมีทั้งด้านดีและไม่ดี ด้านดีของเกมคือเกมวางแผนจะช่วยฝึกทักษะและความคิดของผู้เล่นอยู่เสมอ ทั้งยังต้องใช้การประสานงานเพื่อวางแผนการเล่นร่วมกับคนอื่นๆ ส่วนด้านไม่ดีก็เหมือนกับการทำเรื่องอื่นๆ ซึ่งตนมองว่าหากทำอะไรมากเกินไป เช่น เล่นเกมมากเกินไปหรือใช้เวลาหมกมุ่นกับเกมนานเกินไปก็จะมีแต่ผลเสีย ผู้เล่นจึงควรรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสม.
?
Tags: พลิกวิถีเกมออนไลน์, สมาคมอี-สปอร์ต, หนุนตั้ง‘Garena Star League’ ระเบิดศึก2เกมออนไลน์ดัง HON-Point Blank
Posted by admin on
March 31, 2013
ผู้จัดงาน Garena Star League 2013 ประชัน 2 เวทีเกมออนไลน์ชื่อดัง HON และ Point Blank ตั้งเป้านักเรียน-นักศึกษาแห่ชมงานกว่า 5 หมื่นคน เล็งขยายพื้นที่จัดงานครั้งหน้าอีกเท่าตัว รองรับเกมเมอร์…
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายสกลกรณ์ สระกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Playinter และ Garena ผู้จัดงาน Garena Star League 2013 เปิดเผยว่า การจัดงาน Garena Star League 2013 ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทขยายไลน์การจัดงานมาเป็นงานใหญ่จากที่เคยเข้าร่วมกับงานเกมประจำปีมาก่อนหน้านี้ โดยการจัดงานครั้งนี้บริษัทใช้งบประมาณทั้งหมดราว 15 ล้านบาท เพื่อจัดแข่งขันหาผู้ชนะใน 2 เกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยคือ Hero of Newerth (HON) และ Point Blank ซึ่งเป็นเกมแนววางแผน โดยมีผู้แข่งขันซึ่งเป็นนักกีฬาอี-สปอร์ต จาก 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และไทย เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะในเกม HON ซึ่งทีมผู้ชนะจะได้รับรางวัลกว่า 9 แสนบาท ส่วนทีมผู้ชนะเกม Point Blank จะได้รับรางวัลราว 2 แสนบาท
สำหรับเป้าหมายการจัดงานในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานเกิน 5 หมื่นคน โดยเน้นกลุ่มผู้เข้าร่วมงานเป็นนักเรียนนักศึกษา และหวังให้เกิดการผลักดันวงการอี-สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย โดยบริษัทมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายพื้นที่การจัดงานในครั้งต่อไปให้ใหญ่กว่าการจัดงานในครั้งนี้อีกว่าเท่าตัว โดยคาดว่าจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ เวทีจัดการแข่งขันและโซนจำหน่ายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์การเล่นเกมออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้เข้าร่วมงาน
นายสกลกรณ์ กล่าวอีกว่า กระแสความนิยมเกม HON และ Point Blank ในประเทศไทยถือเป็นเกมออนไลน์ 2 เกมที่มีผู้เล่นจำนวนสูงสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเกม HON ที่มีผู้เล่นแอคทีฟกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน ส่วนเกม Point Blank ถือเป็นเกมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่าทั้ง 2 เกม เป็นเกมที่มีสัดส่วนการเล่นกว่า 80% ของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทั่วประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ งาน Garena Star League 2013 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 103 ตั้งแต่ 10.00-21.30 น. โดยนอกจากกิจกรรมการแข่งขันเกม HON และ Point Blank ภายในงานดังกล่าวยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมออนไลน์และสินค้าต่างๆ.
?
Tags: Blank, Garena, HON-Point, League, Star, ระเบิดศึก2เกมออนไลน์ดังtags: Blank, Garena, HON-Point, League, Star, ระเบิดศึก2เกมออนไลน์ดัง
No Comments
กสทช.สั่งทุกค่ายมือถือเตรียมแผนรับมือพลังงาน 5-14 เม.ย.
Posted by admin on
March 31, 2013
สำนักงาน กสทช. สั่งโอเปอเรเตอร์ทุกราย เตรียมความพร้อมและแผนรับมือในช่วงภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน…
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้มีประกาศเกี่ยวกับ ?แผนรองรับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน? เพื่อรับมือความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ไฟตก หรือดับในบางพื้นที่ อันเนื่องมาจากกรณีที่สหภาพพม่าจะปิดซ่อมและบำรุงรักษาท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย. 2556 นั้น อาจจะส่งผลกระทบให้แรงดันไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลบางจุดต่ำกว่าปกติ หรือหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าในบางพื้นที่ ซึ่งหากเกิดกรณีที่มีปัญหาการจ่ายกระแสไฟฟ้าในบางพื้นที่จริง และเป็นระยะเวลานาน อาจกระทบต่อสถานีฐานของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้า
ทั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงาน กสทช.จึงได้จัดให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลจากหน่วยงานด้านพลังงานที่เกี่ยวข้อง และมีหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เตรียมความพร้อม และเตรียมแผนเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ตามเงื่อนไขการอนุญาตฯ ในเรื่องเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติ และมาตรฐานของเครื่องและอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคม.
?
?
?
Tags: 5-14, กสทช.สั่งทุกค่ายมือถือเตรียมแผนรับมือพลังงาน, เม.ย.เอเซอร์ปักธงรุกโมบิลิตี้ เร่งดัน’ไฮบริด’พยุงตลาดโน้ตบุ๊ก
Posted by admin on
March 30, 2013
เอเซอร์ เผยรายได้รวมปี 2555 ไม่ขยับ เหตุกำลังซื้อนิ่ง คนหันซื้อแท็บเล็ต-สมาร์ทโฟนแทนโน้ตบุ๊ก คาดตลาดไฮบริดขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% แชร์ส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊ก ยอมรับตลาดเน็ตบุ๊กหายกำลังซื้อไหลไปหาแท็บเล็ต…
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 13,000 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่ไม่เติบโตขึ้นจากเดิม คาดว่ามีสาเหตุจากหลายปัจจัย อาทิ นโบายรถคันแรก และความนิยมของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นจึงดึงกำลังซื้อในกลุ่มโน้ตบุ๊กลง อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 10% เนื่องจากบริษัทมีแผนรุกผลิตภัณฑ์หลายกลุ่ม อาทิ แท็บเล็ต โฟน และไฮบริด เพื่อเสริมยอดขายในตลาดคอนซูเมอร์ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ไฮบริด ซึ่งจะเป็นโน้ตบุ๊กที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย เช่น หน้าจอระบบสัมผัส สามารถถอดหน้าจอแยกกับคีย์บอร์ด เพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ต เป็นต้น จะเป็นกลุ่มที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเปิดตลาดใหม่กลุ่มไฮบริดถือเป็นการสร้างโอกาสที่ดีแก่ผู้ค้า ทำให้ไม่ต้องแข่งขันอย่างหนักในตลาดหลัก ทั้งยังสามารถแบ่งปันยอดขายจากตลาดโน้ตบุ๊กปกติและตอบสนองความต้องการแท็บเล็ตเครื่องแรกได้ด้วย เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ตลาดไฮบริดจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กได้ราว 15% หรือถึง 50% ภายในปีหน้า สำหรับทิศทางโน้ตบุ๊กในปัจจุบัน ขณะนี้สามารถเห็นราคาโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัสได้ในราคาเริ่มต้นที่ 17,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ไม่สูง ส่วนไฮบริดนั้นคาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นราว 20,000 บาท โดยคาดว่าในปีนี้ตลาดโน้ตบุ๊กจะมียอดขายราว 2 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่าตลาดราว 36,000 ล้านบาท ขณะที่ทิศทางตลาดโน้ตบุ๊กจอสัมผัสนั้นคาดว่าจะชัดเจนและกลายเป็นตลาดหลักของโน้ตบุ๊กได้ภายในปีหน้า ส่วนตลาดโน้ตบุ๊กในปีนี้เชื่อว่ามีแนวโน้มไม่ค่อยเติบโตเนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี
นายนิธิพัทธ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ิบริษัทจะให้ความสำคัญกับกลุ่มไฮบริด แท็บเล็ต และโฟน มากขึ้น โดยจะใช้งบประมาณกว่า 50% เพื่อทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ขณะเดียวกันบริษัทจะเร่งสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคในตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไฮบริด ทั้งด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการใช้งานเนื่องจากปัจจุบันมีผู้บริโภคยังไม่เข้าใจรายละเอียดดังกล่าวจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวออกสู่ตลาดแล้ว 4 รุ่น และวางแผนจะเปิดตัวอีก 4 รุ่นในปีนี้ พร้อมเปิดตัวรุ่นไฮไลท์ที่นำเสนอเอกลักษณ์ให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
“เราต้องการเปลี่ยนภาพเอเซอร์ให้เป็นโมบิลิตี้ ความท้าทายคือการที่ลูกค้าจดจำภาพว่าเอเซอร์คือแบรนด์คอมพิวเตอร์และผู้นำตลาดโน้ตบุ๊ก บริษัทตั้งเป้าใช้กลยุทธ์ด้านการสื่อสารและเน้นสร้างประสบการณ์ใช้งานผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แก่ลูกค้า ซึ่งเชื่อว่าด้วยศักยภาพของผลิตภัณฑ์ในขณะนี้ รวมถึงกลุ่มโฟนก็อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด”
นายนิธิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้บริษัทยังเน้นการทำตลาดโน้ตบุ๊กซึ่งคิดเป็น 80% ของการทำตลาดสินค้าทั้งหมด ขณะที่ไฮบริด แท็บเล็ต และโฟนนั้นคิดเป็นสัดส่วนรวมกันราว 20% โดยบริษัทมั่นใจว่ายังคงเป็นผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊กด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 33% และเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อีกไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊ก ส่วนตลาดเน็ตบุ๊กตนมองว่าจะถูกกลืนหายไปในที่สุด โดยกำลังซื้อส่วนดังกล่าวจะไปตกอยู่ในกลุ่มแท็บเล็ตเนื่องจากระดับราคาและความสามารถตอบสนองการใช้งานมีความใกล้เคียงกัน ด้านอัลตร้าบุ๊กก็จะมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมโดยอาจเน้นที่ความบางเบาลงจากเดิม และเน้นการใช้งานให้ใกล้เคียงแท็บเล็ตมากขึ้น ส่วนตลาดเดสก์ทอปนั้นยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่บ้างเนื่องจากคุณสมบัติสามารถตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้บางกลุ่มได้.
Tags: เร่งดันไฮบริดพยุงตลาดโน้ตบุ๊ก, เอเซอร์ปักธงรุกโมบิลิตี้ทีโอที จับมือไซแมท ส่งเน็ตเร็วสูง30-100เมก เขย่าเชียงใหม่-โคราช
Posted by admin on
March 30, 2013
ทีโอที-ไซแมท เขย่าตลาดเชียงใหม่-โคราช ส่งเน็ตเร็วสูง 30-100 Mbps. ภายใต้แบรนด์ ?Sinet powerby TOT? ตั้งเป้าลูกค้าไม่ต่ำกว่า 27,000 พอร์ต และมีรายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท…
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีโอที ลงนามในสัญญาการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง FTTx กับ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยบริการผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber to Home) 30-100 Mbps. สำหรับลูกค้าในทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าบุคคลทั่วไป บ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก/กลาง และธุรกิจขนาดใหญ่ นำร่องที่เชียงใหม่และนครราชสีมา (โคราช)
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวต่อว่า การร่วมทำธุรกิจในครั้งนี้ เพื่อขยายตลาดบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber to Home) โดย ทีโอที นำความเชี่ยวชาญด้านการตลาดของพันธมิตรในการขยายสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ ทีโอที มีความแข็งแกร่งด้านโครงข่ายโทรคมนาคม (Core network) ที่ครอบคลุมมากที่สุดมาบูรณาการพัฒนารูปแบบธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง หรือ FTTx ซึ่งทีโอที มีแผนที่จะขยายครอบคลุมเต็มพื้นที่จังหวัดสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นอกจากนี้ ยังเป็นการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีคุณภาพแก่ผู้ใช้บริการในราคาที่เหมาะสม รวมถึงเพื่อสนับสนุนการให้บริการดิจิตอล คอนเทนต์คุณภาพสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า การเปิดตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง FTTx ของ ทีโอที และไซแมท ในครั้งนี้จะสามารถรองรับให้บริการที่เชียงใหม่ 15,000 พอร์ต และนครราชสีมา 12,000 พอร์ต รวม 27,000 พอร์ต โดยมีสัญญา 1 ปี ใช้เงินลงทุน 1 แสนพอร์ต กว่า 500 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการคุ้มทุน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้ที่มีมากขึ้นเรื่่อยๆ โดยตั้งเป้าปี 2556 หลังจากการเปิดตลาดที่ทั้ง 2 แห่งแล้วจะมีลูกค้าไม่ต่ำกว่า 15,000 ราย และมีรายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ กลยุทธ์การทำตลาดร่วมกันนั้น ทีโอที และไซแมทฯ จะร่วมจำหน่ายสินค้าทั้งของไซแมทฯ และของ ทีโอที ภายใต้แบรนด์ ?Sinet powerby TOT? นำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดนครราชสีมา ด้วยระดับความเร็วในการดาวน์โหลดที่พร้อมให้บริการทันทีที่ 30Mbps-100Mbps รูปแบบการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการใช้งาน ดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลปริมาณสูงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะให้บริการที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งาน ดาวน์โหลด และอัพโหลดข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจที่เน้นการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเดียว หรือรูปแบบอินเทอร์เน็ตสำหรับองค์กรพร้อม Fixed IP ด้วยการวางแผนระบบวางแผนระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสงแบบ Ring Loop ทั่วทั้งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดนครราชสีมา
นายทองคำ มานะศิลปะพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร ไซแมท เทคโนโลยี กล่าวว่า ไซแมท เทคโนโลยี จะรับผิดชอบลงทุนในแอคเซส เน็คเวิร์ก การบำรุงรักษาการตรวจแก้ การให้บริการติดตั้ง การออกบิลตามหนี้ และเพื่อเปิดตลาดแนะนำบริการ Sinet powerby TOT ได้จัดรายการส่งเสริมการขายในราคาพิเศษเริ่มต้นความเร็ว 30Mbps/3Mbps ราคาเพียง 1,200 บาท/เดือน
สำหรับ ผู้ที่สนใจใช้บริการสามารถร่วมทดสอบประสิทธิภาพของบริการได้ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.)ณ ลานกิจกรรม อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว โดยภายในงานสามารถสมัครใช้บริการโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครที่ความเร็ว 30Mbps/3Mbps ในราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน พร้อมเงื่อนไขฟรีค่าติดตั้ง ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ส่วนลดค่าใช้บริการรายเดือน และส่วนลดอุปกรณ์ปลายทาง
นอกจากนี้ ทีโอที และ Simat ยังมีแผนการพัฒนาธุรกิจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาระบบการสื่อสารครบวงจรสำหรับกลุ่ม Boutique Hotel การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารสำหรับพัฒนาไปสู่ Smart City รองรับการเปิดตัว AEC และรวมถึงการพัฒนาการขยายโครงข่ายรองรับการให้บริการ 4G LTE ในอนาคต
?
Tags: จับมือไซแมท, ทีโอที, ส่งเน็ตเร็วสูง30-100เมก, เขย่าเชียงใหม่-โคราช‘บูลการ์ด’เตือน ภัยคุกคามออนไลน์-สมาร์ทโฟนปี2013แรงขึ้น
Posted by admin on
March 30, 2013
บูลการ์ด เตือนระวังภัยคุกคามปี 2013 มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น แฮกเกอร์ มัลแวร์ ไวรัส ยกขบวนจัดเต็มโดยเฉพาะที่อยู่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ขณะที่การล่อลวงบนโลกออนไลน์จะมีวิธีแปลกๆ มากขึ้น รวมทั้งการช็อปปิ้งออนไลน์จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น…
รายงานผลการวิเคราะห์และสถิติภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ จากห้องปฏิบัติการ บูลการ์ด ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ ซีเคียวริตี้ ทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จากประเทศอังกฤษ? ระบุว่า ในปีที่แล้วเราเห็นการโจมตีของไวรัสและแฮกเกอร์อย่างต่อเนื่องในอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) หรือโน้ตบุ๊ก (Laptop) ทำให้ผู้คนหันมาใช้อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้นยิ่งทำให้เหล่าวายร้ายต้องหาวิธีใหม่ๆ ในการขโมยข้อมูล แทรกแซงการทำงาน และส่งไวรัสเข้าไปในอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้น
ห้องปฏิบัติการบูลการ์ด เผยถึงภัยคุกคามที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในปี 2013 ได้แก่
มัลแวร์และไวรัสบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต จะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพราะแอนดรอยด์เป็นระบบเปิด ที่ใครๆ ก็สามารถช่วยกันพัฒนาได้ อีกทั้งใน Google Play ก็ยังไม่มีมาตรฐานป้องกันที่ดีพอ
โฆษณาบนมือถือจะเพิ่มขึ้นและแสดงให้เห็นบ่อยครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น แอพพลิเคชั่นบางตัวยังเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าของเครื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งก็จะทำให้เครื่องรวน และรวมไปถึงยังนำเอาข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของออกไปอีกด้วย
การล่อลวงบนโลกออนไลน์ จะเลือกใช้วิธีที่ผู้คนสนใจ เช่น หมอดู การประมูลหลอกลวง หรืองานแปลกๆ ที่มีข้อเสนอเย้ายวน หรือมีผลกระทบต่อความรู้สึก ที่เป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สร้างขึ้นเพื่อเข้าถึงตัวผู้ใช้งาน
การช็อปปิ้งออนไลน์จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปกรณ์มีความสามารถที่อำนวยความสะดวกในเรื่องเหล่านี้ และการซื้อขายก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วยโดยคาดว่าอัตราการเติบโตของช็อปออนไลน์ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยยิ่งมีร้านเพิ่มมากขึ้น ผู้ซื้อก็มากขึ้น ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าภัยคุกคามเหล่านี้อาจจะทำให้พวกเรารู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมาก แต่ภัยคุกคามเหล่านี้ เราสามารถป้องกันตัวเองได้จากหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคยหรือการไม่หลงสื่อ ต่อสิ่งล่อลวงต่างๆ และยังรวมไปถึงการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันภัยให้กับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต เพื่อสร้างความมั่นใจการใช้งานใช้ชีวิตอย่างทันสมัย ในยุคที่โลกไร้พรมแดน และก้าวสู่โลก 3จี ด้วยความสบายใจ.
Tags: บูลการ์ดเตือน, ภัยคุกคามออนไลน์-สมาร์ทโฟนปี2013แรงขึ้นราคุเท็น ชี้ช็อปปิ้งออนไลน์โตทั่วโลก-ไทยเพิ่ม65เปอร์เซนต์
Posted by admin on
March 30, 2013
ช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ขณะที่ชาวไทยชอบช็อปออนไลน์ โดย 65% ชอบแชร์แนะนำสินค้าบนโซเชียลมีเดีย แนะคนในวงการต้องร่วมมือสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ที่ร้านค้าต้องมีข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน ไม่ใช่มีแต่ร้านค้าออนไลน์อีกต่อไป…
ราคูเท็น ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นเจ้าจองตลาดออนไลน์ของไทย Rakuten TARAD.com เผยข้อมูลเชิงลึกของดัชนีอีคอมเมิร์ซ การวิจัยระดับโลกด้านเทรนด์ช็อปปิ้ง โดยแสดงให้เห็นความสนใจของผู้บริโภคบนร้านค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยกว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภค (45%) ชอบแนะนำสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย โดยแบ่งเป็นขาช็อปจากประเทศไทย (65%) มาเลเซีย (67%) และอินโดนีเซีย (67%) ที่ชื่นชอบการแชร์ และแนะนำมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความเข้มข้นในพฤติกรรมกาแชร์เรื่องราวผ่านสังคมออนไลน์ แต่ละประเทศมียอดการใช้จ่ายต่ำสุด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่า ยอดการใช้จ่ายทั้งปี 2556 อยู่ที่ 725 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน โดยการสำรวจดังกล่าวยังพบอีกว่ายอดใช้จ่ายแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมากในสหราชอณาจักร มียอดใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,700 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อีกมุมหนึ่งของโลกนักช็อปชาวไทยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนเพียง 243 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com กล่าวว่า ที่ราคูเท็น ตลาดดอทคอม เราเห็นการเติบโตของผู้เข้าชมเว็บไซต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้นถึง 200 เท่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ที่สอดคล้องกับเทรนด์ที่เราเห็นได้จากผลสำรวจ โซเชียลมีเดีย มีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ การ์ทเนอร์ (Gartner) ได้ทำนายไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า ภายในปี 2015 50% ของข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ารายใหม่จะมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น ชื่อล็อกอินในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก เมื่อเทียบกับไม่ถึง 5% ณ ปัจจุบัน ผู้เกี่ยวข้องในวงการ จึงควรร่วมมือกันสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค เพื่อความสบายใจในการช็อปปิ้ง และแบ่งปันข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ
กก.ผจก.บ.ตลาดดอทคอม กล่าวต่อว่า เมื่อพูดถึงการช็อปปิ้งทางอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย ทั้งโมบาย ออฟไลน์ และออนไลน์ อินโดนีเซียยังคงรั้งตำแหน่งประเทศที่มีผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าในรูปแบบนี้มากที่สุด โดย 14% เปิดเผยว่า ปกติจะช็อปปิ้งผ่านทางสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไม่ก็อุปกรณ์สื่อสารไร้สายชนิดอื่น ทางด้านขาช็อปชาวไทยก็ตามมาติดๆ อยู่ที่ 12% ในส่วนของผู้บริโภคชาวตะวันตก ประเทศที่อยู่อันดับต้นๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร (12%) สหรัฐอเมริกา (10%) และสเปน (9%) ในขณะที่ ออสเตรีย (46%) และเยอรมนี (46%) ทำคะแนนนำมาในฐานะประเทศที่ยังคงนิยมการช็อปปิ้งตามร้านค้าที่มีหน้าร้านอยู่มากกว่าการช็อปออนไลน์? บราซิล และไต้หวัน มีพฤติกรรมการช็อปออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากกว่า (29% ในไต้หวัน แบะ 26% ในบราซิล เลือกช่องทางออนไลน์) ส่วนผู้บริโภคในไทยก็มีเกือบ 1 ใน 5 คน (18%) ด้วยกันที่ชอบการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตมากกว่า
นายภาวุธ กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ โมบาย หรือร้านค้าปกติ ผู้บริโภคล้วนแล้วแต่มองหาการบริการคุณภาพเยี่ยมและประสบการณ์การช็อปที่ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหนก็ตาม ทุกวันนี้ การเปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางเสริมในการขายมันไม่พออีกต่อไป หน้าร้านบนเว็บไซต์จะต้องเพียบพร้อมไปด้วยข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค.
?
Tags: ชี้ช็อปปิ้งออนไลน์โตทั่วโลก-ไทยเพิ่ม65เปอร์เซนต์, ราคุเท็นโลกาภิวัตน์ 29/03/56
Posted by admin on
March 30, 2013
เชียร์สดๆ
สาวอิตาลีนางหนึ่ง? เข้าร่วมชุมนุม แสดงความสนับสนุน งานวิจัยทางเซลล์ต้นกำเนิด? ในกรุงโรม? ด้วยการเขียนข้อความ? ?ไชโย? ชีวิต?? ?ไชโย? เซลล์ต้นกำเนิด? ไว้ที่เนื้อหนังสดๆ ของตนเอง.
รถยนต์ไฟฟ้าของจีนออกโรงในงานแสดงยานขนส่งและพลังงานใหม่ ที่กรุงปักกิ่ง รัฐบาลจีนกำลังพยายามลดปริมาณมลพิษซึ่งมีปริมาณสูงขึ้นจนเกินขีดกำหนดขององค์การอนามัยโลก เกือบ 40 เท่า มาจากไอเสียรถและการก่อสร้าง ถึงครึ่งต่อครึ่ง.
เรือเดินสมุทร ?อเมริกา? ซึ่งเคยเป็นพาหนะของเจ้าชายและประธานาธิบดีหลายคน เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อยุคระหว่างทศวรรษปี พ.ศ. 2493 ถึง 2503 จอดรอเวลาอยู่ที่ท่าเรือเมืองฟิลาเดลเฟียมาหลายสิบปีแล้ว คอยรอเศรษฐีหรือองค์การมาช่วยชุบชีวิตใหม่ เอาเงินมูลค่า 15,000,000 บาท มาซื้อเอาไป ไม่เช่นนั้นจะโดนรื้อขายเป็นเศษเหล็กในฤดูใบไม้ผลิปีนี้.
ฝูงบิน? ?บลู แอนเจลส์? ของสหรัฐนาวี แสดงการบินผาดโผน เหนือเมืองฟลอริดา คีย์ส เมื่อปลายเดือนก่อน การแสดงเที่ยวนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย? เนื่องจากงบประมาณถูกตัด.
?
Tags: 29/03/56, โลกาภิวัตน์tags: 29/03/56, โลกาภิวัตน์
No Comments
กสท เข้มมาตรการรับมือพลังงาน มั่นใจไม่กระทบลูกค้า
Posted by admin on
March 30, 2013
กสท วางมาตรการเข้มรับมือภาวะฉุกเฉินพลังงาน มั่นใจไม่กระทบลูกค้า ทุกระบบการสื่อสาร ระหว่างวันที่ 5 เม.ย. – 14 เม.ย.56…
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ ?กรรมการผู้จัดการใหญ่ ?บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT ) กล่าวว่า CAT ได้เตรียมความพร้อมรับมือกรณีประเทศเมียนมาร์ ปิดซ่อมท่อก๊าซธรรมชาติอันอาจส่งผลให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานในบางพื้นที่ของประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 5 เม.ย. – 14 เม.ย.2556 ?โดย CAT ในฐานะหน่วยงานหลักด้านสื่อสารโทรคมนาคมภาครัฐ ได้เตรียมมาตรการรองรับ ได้แก่ ระบบไฟฟ้าสำรอง เครื่องปั่นกระแสไฟ พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองจำนวนมาก เพื่อความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจของ CATจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อการให้บริการลูกค้า
ทั้งนี้ สำนักงานของ CAT ทั่วประเทศ ทั้งอาคาร CAT Tower บางรัก CATสำนักงานใหญ่ ?ถนนแจ้งวัฒนะ ศูนย์โทรคมนาคมนนทบุรี ศูนย์โทรคมนาคมในส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงสถานีเคเบิลใต้น้ำ และสถานีดาวเทียมทุกแห่ง จะสามารถให้บริการได้ตามปกติ แม้ในกรณีไฟฟ้าดับหรือขัดข้อง โดยระบบไฟฟ้าสำรองจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ?เช่นเดียวกับโครงข่ายโทรคมนาคมในส่วนกลางและภูมิภาค ซึ่งประกอบด้วยชุมสายขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ได้มีการเตรียมพร้อมด้านระบบไฟฟ้าสำรองตลอดเวลา โดยเฉพาะชุมสายขนาดใหญ่รองรับด้วยระบบไฟฟ้าสำรองเต็ม 100 % สามารถจ่ายไฟให้กับระบบและอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง
?ชุมสายขนาดใหญ่ อย่างเช่น ?ศูนย์โทรคมนาคม สถานีเคเบิลใต้น้ำ และสถานีดาวเทียมในเขตภูมิภาคต่างๆ สำคัญมากในระบบโทรคมนาคม ?เพราะต้องรองรับวงจรหลักภายในพื้นที่นั้นๆ รวมทั้งวงจร Transitจากหน่วยงานอื่นที่ผ่านเข้ามาจำนวนมาก หากระบบหรืออุปกรณ์ไม่สามารถให้บริการได้จะมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบการสื่อสาร ส่วนชุมสายขนาดกลางและเล็กระบบไฟสำรองจะทำงานต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง ?ซึ่งเราพร้อมเสริมด้วย Mobile Generator ในพื้นที่ที่ต้องการเร่งด่วนทันที ?จึงมั่นใจว่ามาตรการที่เตรียมไว้สามารถรองรับได้อย่างแน่นอน? กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าว
?
นอกจากนี้ ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกเพื่อซักซ้อมแนวทางการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การตรวจสอบดูแลอุปกรณ์ระบบเครื่องปั่นไฟให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ?ตรวจสอบปริมาณน้ำมันสำรองให้เพียงพอ ?วางแผนจัดหาน้ำมันสำรองล่วงหน้า ?ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ติดตามแผนการหยุดจ่ายไฟฟ้าเพื่อเตรียมการรองรับเหตุการณ์ล่วงหน้า รวมทั้งจัดทีมบุคลากรเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือ และประสานงานแก้ปัญหาต่างๆ ในช่วงภาวะฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ?โดยสามารถสอบถามข้อมูลผ่าน CAT Contact Center โทร. 1322
?
?
?
Tags: กสท, มั่นใจไม่กระทบลูกค้า, เข้มมาตรการรับมือพลังงาน