Archive for April, 2013

กสทช. แนะอาร์เอส ชี้แจงถ่ายสดบอลโลก

กสทช. แนะอาร์เอส ชี้แจงถ่ายสดบอลโลก

?

กสทช.แนะอาร์เอสส่งหนังสือชี้แจงสาเหตุที่ต้องถ่ายทอดบอลโลกผ่านกล่องซันบ็อกซ์ หลังมัสต์แฮฟระบุถ่ายทอดสดได้เฉพาะฟรีทีวีเท่านั้น…

เมื่อวันที่ 29 พ.อ. นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ( กสท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสท. มีมติเห็นชอบคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง จำนวน 80 ราย แบ่งเป็นบริการธุรกิจ 63 ราย กิจการบริการสาธารณะ 12 ราย และกิจการบริการชุมชน 5 ราย ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาคำขอทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 1,553 ราย

นอกจากนี้ ที่ประชุม กสท. ได้พิจารณากรณีการขอผ่อนผันการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี2014 โดยบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคลาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ยื่นคำขอผ่อนผัน ทั้งนี้ ที่ประชุม กสท. มีมติรับทราบกรณีคำร้องของบริษัท อาร์เอส แต่เนื่องจากบริษัทฯ ดังกล่าวมิได้เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จาก กสท. ดังนั้น จึงไม่อาจพิจารณาในประเด็นคำร้องได้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการประกอบกิจการโทรทัศน์ของประเทศไทย จึงเห็นควรแจ้งให้บริษัทฯ ทราบว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในประเทศไทยทุกรายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประกาศ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยเคร่งครัด

รองประธาน กสท. กล่าวต่อว่า จากกรณีที่ อาร์เอส ได้ฟ้องศาลปกครองให้มีคำสั่งให้ กสทช. แก้ไขหรือยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 (มัสต์แฮฟ) ที่ให้การถ่ายทอดกีฬาฟุตบอลโลกปี 2557 ทุกนัดต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวีเท่านั้นและห้ามจอดำ ทั้งนี้ อาร์เอสต้องการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่ได้รับลิขสิทธิ์จากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ผ่านฟรีทีวี 22 นัด ที่เป็นนัดสำคัญ ตามที่ฟีฟ่ากำหนดไว้ จากการแข่งขันทั้งหมด 64 นัด โดยนัดที่เหลืออยู่จะออกอากาศผ่านกล่องซันบ็อกซ์ทางช่องเคเบิลของบริษัท เพราะทางอาร์เอสถือว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์รายการกีฬา

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, ,

‘เวิลด์ ออฟ แท็งค์’ ฉลองครบ 1 ปีในไทยลั่นเป็นผู้นำอี-สปอร์ต

'เวิลด์ ออฟ แท็งค์' ฉลองครบ 1 ปีในไทยลั่นเป็นผู้นำอี-สปอร์ต

วอร์เกมมิ่ง จัดงานฉลองยิ่งใหญ่ ?เวิลด์ ออฟ แท็งค์? ประเทศไทยครบ 1 ปี? ในงาน 1st Year Anniversary 2013 โดยจัดการแข่งขัน Birthday Tournament 2013 โดยทีม ?RTA-27? หวด ?Infinity? ซิวแชมป์ไปครอง ทีมงานย้ำก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 สนุกกว่าเดิมพร้อมจัดรายการแข่งเพียบหวังเป็นผู้นำวงการอี-สปอร์ต…

ผ่านพ้นไปแล้วอย่างชื่นมื่น ในการฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดให้บริการรถถังออนไลน์ระดับโลก ?เวิลด์ ออฟ แท็งค์? (World of Tanks) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2556 ที่ผ่านมา โดยภายในงานมีไฮไลท์สำคัญคือการแข่งขันชิงแชมป์ในรายการ ?Birthday Tournament 2013?? ซึ่งรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่างทีม RTA-27 และทีม Infinity ผลการแข่งขันพบว่า ทีม? RTA-27 เฉือนเอาชนะทีม Infinity ไปอย่างสุดระทึก ด้วยสกอร์ 2 ต่อ 1 เกม คว้ารางวัลชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล 10,000 บาทไปครองท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่ม Neolution E-Sports Stadium?

หลังจบการแข่งขันได้รับเกียรติจากคุณภาสกร เจริญกิจกำจร Country Manager บริษัทวอร์เกมมิ่ง ประจำประเทศไทย ขึ้นมอบรางวัลให้กับทีมชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ในการนี้ คุณภาสกร เปิดเผยถึงรายละเอียดการอัพเดทของเกม เวิลด์ ออฟ แท็งค์ (World of Tanks) ที่จะมีขึ้นในปีนี้ และแพทช์ล่าสุด 8.5 ที่มีการอัพเดทแผนที่ใหม่ รถถังใหม่ของโซเวียด และเยอรมนี พร้อมให้คำมั่นว่า เกม เวิลด์ ออฟ แท็งค์ (World of Tanks) จะทวีความมันส์ยิ่งขึ้นในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 นี้อย่างแน่นอน

ก่อนจบงาน มีงานเลี้ยงฉลองชัยชนะให้กับแชมป์และรองแชมป์ของรายการ รวมทั้งเป็นการฉลองครบรอบ 1 ปีในการเปิดให้บริการของเกม เวิลด์ ออฟ แท็งค์ (World of Tanks) ในประเทศไทย โดยมีการตัดเค้กรูปรถถังและมีกิจกรรม Lucky Draw รวมทั้งการเปิดโอกาสให้เหล่าผู้บัญชาการในประเทศไทยที่มาร่วมงาน มีโอกาสได้เขียนคำอวยพรให้กับเกม เวิลด์ ออฟ แท็งค์ (World of Tanks) อีกด้วย

ทางทีมงานขอแสดงความยินดีกับทีม RTA-E ที่สามารถฝ่าฟันสมรภูมิเดือด เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในการแข่งขัน แท็งค์เอเชีย มาสเตอร์ (TanksAsia Master) ที่มีเงินรางวัลสำหรับทีมชนะเลิศสูงสุดถึง 1,500,000 บาท ทีมอื่นๆ เตรียมตัวให้พร้อมในการแข่งขันฤดูกาลต่อไปที่จะเปิดรับสมัครในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของการแข่งขันรายการ แท็งค์เอเชีย มาสเตอร์ (TanksAsia Master) ได้ที่ http://worldoftanks-sea.com/th/TanksAsia-Master/main.

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , , , ,

จี้คุมปลอดภัยคลื่นเสามือถือ ภาคปชช.เน้นสุขภาพ

จี้คุมปลอดภัยคลื่นเสามือถือ ภาคปชช.เน้นสุขภาพ

กสทช. เปิดเวทีเสวนาประเด็นเสาสัญญาณการสื่อสาร ล้อมวงถกปัญหาคลื่นกระทบสุขภาพ เผยงานวิจัยระบุคลื่นมือถือต้นเหตุเกิดมะเร็งได้…

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดเวทีเสวนา NBTC Public Forum หัวข้อ ?เสาสัญญาณการสื่อสาร : ความปลอดภัยที่ไม่ได้เลือก? โดยมีนักวิชาการอิสระ อาจารย์ ตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็ก ร่วมเสวนาในประเด็นดังกล่าว

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า จากข้อมูลการร้องเรียนสถานีวิทยุคมนาคม กสทช. พบว่าตั้งแต่ปี 2552-2556 มีจำนวนประมาณ 127 เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นการร้องเรียนเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องสถานีวิทยุคมนาคม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ ก่อให้เกิดมะเร็ง เป็นต้น รวมถึงผลกระทบด้านเสียงดังรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และการที่ผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ไม่ได้ทำความเข้าใจกับชุมชนก่อนดำเนินการตั้งสถานี

เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ โทรทัศน์ ไมโครเวฟ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ต่างมีการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้ในปี 2555 องค์กรอนามัยโลกยังแถลงว่ามีความเป็นไปได้ที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งสมองอีกด้วย

น.ส.สารี กล่าวอีกว่า กสทช.ควรตรวจสอบว่าโอเปอเรเตอร์ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้นจึงควรรับเรื่องร้องเรียนการติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมทั้งหมด หรือให้สั่งระงับการก่อสร้างหรือยุติการดำเนินการจนกว่าจะพิจารณาเรื่องร้องเรียนจนแล้วเสร็จ รวมทั้งเปิดเผยข้อร้องเรียนเรื่องการติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมทั้งหมดให้สาธารณะรับทราบ

ส่วน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นถือเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ (บอร์ด) ได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว แต่เรื่องดังกล่าวมักเกิดความไม่ลงตัวกันจากการตีความระหว่างเอกชนซึ่งเป็นผู้ให้บริการและประชาชน ซึ่ง กสทช.จะได้วางกรอบเพื่อหาความเหมาะสมจากข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน เพราะการที่ไม่มีเสาสัญญาณนั้น หมายถึงการที่ประชาชนจะขาดพื้นที่การสื่อสารอย่างโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันหากมีเสาสัญญาณที่ไม่ถูกต้องก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของ กสทช.นั้นไม่ใช่การห้ามไม่ให้ตั้งเสาสัญญาณ แต่เป็นการกำหนดให้ดำเนินไปได้อย่างถูกต้อง.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

โลกาภิวัตน์ 29/04/56

โลกาภิวัตน์ 29/04/56

แกะเรืองแสง

สถาบันพัฒนาพันธุ์สัตว์อุรุกวัย? ได้เปิดเผยลูกแกะที่ถูกแปลงพันธุ์ ผสมยีนพิเศษเข้าไปในตัวด้วย? ทำให้มันเรืองแสง เมื่อโดน รังสีอัลตราไวโอเลต ทางสถาบันกล่าวว่า นับเป็นสัตว์แปลงพันธุ์ตัวแรกของกลุ่มชาติละตินอเมริกา.

แว่นกูเกิล

ผู้ไปชมงาน ?เน็กซ์ เบอร์ลิน? ถือเป็นแหล่งชุมนุมอุตสาหกรรมดิจิตอลของยุโรป ลองใช้แว่นตากูเกิลโดยไม่ได้เปิดเผยประสิทธิภาพของแว่นให้ทราบ อย่างไรก็ดี ในงานจะมีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างผู้ผลิต ผู้พัฒนาตลาดกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคด้วยกัน.

ระบบพันธุกรรม

ภาพเก่าเมื่อครั้งนักพันธุกรรมศาสตร์ฟรานซิส คริก? เสนอเอกสารพร้อมกับแผนผังโครงสร้างของดีเอ็นเอ? ขึ้นที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์? ในกรุงลอนดอน มาจนถึงปัจจุบันนี้ เกือบจะครบรอบ? 60? ปีแล้ว.

ดาวพฤหัสบดีกับดาวหาง

องค์การอวกาศสหรัฐฯเผยแพร่ภาพประกอบกันของเศษซาก ที่ถ่ายโดยยานอวกาศกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล ภาพดาวพฤหัสบดีกับดาวหางชูเมคเกอร์ ดาวหางดวงนี้ถูกพบว่าเป็นดาวหางที่มากลายเป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ดวงแรก แทนที่จะเป็นดวงอาทิตย์อย่างเคย อย่างไรก็ดี ดาวหางโดนแรงดึงดูดอันมหาศาลฉีกทำลายออกเป็นชิ้นๆ และเศษซากของดาวหางกลับตกลงไปบนดาวพฤหัสบดี รวม 21 ชิ้นด้วยกัน ส่วนที่เห็นเป็นจุดดำๆบนดาวเคราะห์ เป็นเงาของดวงจันทร์ ?ไอโอ?.

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

สนุก ฟรี สำหรับคนไทย ใช้ติ๊กเก้อถึงโคตรฮิต

สนุก ฟรี สำหรับคนไทย ใช้ติ๊กเก้อถึงโคตรฮิต

ทีมข่าวไอทีออนไลน์ พาบุกถึงสำนักงานกลางเมืองของแอบโซลูท เพลย์ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อ คำคมท้ายรถสิบล้อที่ดังที่สุดในประเทศไทย…

หากพูดถึง แอบโซลูท เพลย์ (Absolute Play) หลายคนอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น “ติ๊กเก้อ” (Tic-ker) คำคมท้ายรถสิบล้อที่ฮิตอยู่บนโซเชียลมีเดียทั่วประเทศไทยในขณะนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก หลังจากที่แอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อได้เปิดให้บริการดาวน์โหลดบนแอพสโตร์ของระบบปฏิบัติการไอโอเอส และเพลย์สโตร์ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพียง 1 สัปดาห์ ใครจะเชื่อว่าแค่แอพพลิเคชั่นที่ให้ถ่ายรูป ใส่ฟิลเตอร์ และเลือกข้อความมาแปะในรูป จะมีผู้ดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 3 ล้านครั้ง!

ครั้งนี้ “ทีมข่าวไอทีออนไลน์” มีโอกาสบุกไปถึงสำนักงานของทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อ ซึ่งตั้งอยู่ย่านเพลินจิต เพื่อพูดคุยถึงที่มาของความสำเร็จดังกล่าวกับ ยุคลอาจ ชาณพานิชกิจการ ซีไอโอ (Chief Information Office) ของบริษัท และนวพันธ์ อร่ามพิบูลกิจ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา พร้อมแอบดูเบื้องหลังการทำงานของทีมผู้พัฒนากันถึงห้องทำงาน ว่าแอพพลิเคชั่นฝีมือคนไทย เขาคิดและทำอย่างไรถึงได้ผลงานคุณภาพและประสบความสำเร็จขนาดนี้…

IT Digest : ที่มาของ “ติ๊กเก้อ” เริ่มต้นอย่างไร
ยุคลอาจ : เกิดจากการที่เราอยากทำแอพพลิเคชั่นถ่ายรูปแบบสนุกๆ ที่ใช้งานง่าย เล่นได้ในเวลาไม่นาน และแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในตลาด จนได้คอนเซปต์ออกมา 2-3 แบบ แต่ที่ทีมงานเลือกรูปแบบของแอพฯ ติ๊กเก้อก็เพราะสามารถทำได้เร็วที่สุด ประกอบกับเรามีโจทย์ที่ต้องการทำแอพพลิเคชั่นที่แตกต่างออกไป เมื่อดูจากแอพพลิเคชั่นที่มีในปัจจุบันก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นของบริษัทต่างประเทศ ซึ่งไม่ค่อยมีใครทำออกมาในแนวตลกๆ หลังจากที่พูดคุยกันเราก็นึกถึงประโยคขำๆ กวนๆ ที่เห็นกันตามท้ายรถสิบล้อ ก็เลยตกผลึกเป็นรูปแบบแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อในที่สุด ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวและยังไม่เคยมีใครหยิบขึ้นมาเล่น จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง จึงออกมาเป็นติ๊กเก้อ

นวพันธ์ :
อีกส่วนหนึ่งคือเราอยากทำแอพพลิเคชั่นให้คนไทยได้ลองใช้ ส่วนใหญ่ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น มักจะเลือกทำแอพพลิเคชั่นที่เป็นสากลเพื่อก้าวสู่การให้บริการระดับโลก ซึ่งมีน้อยรายที่จะก้าวไปได้ แต่เราคิดว่าเราอยากให้คนไทยมีความสุขที่ได้ใช้งานแอพพลิเคชั่นของคนไทยด้วยกันมากกว่าที่จะมุ่งไปตลาดโลก

IT Digest : ทำไมถึงคิดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อขายในประเทศมากกว่าขายระดับโลก

ยุคลอาจ : คนที่คิดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อขายระดับโลกนั้นไม่ผิด แต่เรามองว่าเป้าหมายเราอยู่ที่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้งานในระดับประเทศเท่านั้น เพื่อดูการตอบรับจากในประเทศเสียก่อน ประกอบกับประโยคติ๊กเก้อก็เป็นเนื้อหาที่คนไทยรู้จักกันดี

นวพันธ์ : โดยส่วนตัวคิดว่าคำพูดพวกนี้เป็นคำที่ทุกคนเคยเห็นและเคยใช้ แต่อาจจะไม่ได้มีใครหยิบมาใช้แบบจริงจัง

IT Digest : ใช้ทีมงานในการพัฒนาติ๊กเก้อมากหรือน้อยแค่ไหน
ยุคลอาจ : ทีมงานเรามีทั้งหมด 4 คน ก็หมายถึงทั้ง 4 คนในบริษัทแอบโซลูท เพลย์ นั่นเอง บริษัทเราเพิ่งก่อตั้งได้ราว 6 เดือน เป็นบริษัทลูกของบริษัท เพลย์เวิร์ค จำกัด (บริษัทด้านไอที) เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ตอบสนองตามความต้องการของเพลย์เวิร์ค ไม่ได้รับพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อด้านอื่น แต่ติ๊กเก้อถือเป็นแอพพลิเคชั่นแรกที่เราพัฒนาขึ้นจากแนวคิดของพวกเราบริษัท แอบโซลูท เพลย์ และถือเป็นผลงานแรกที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ในด้านบุคลากรส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ส่วนแอพพลิเคชั่นที่บริษัทพัฒนาให้กับบริษัทแม่นั้นมีการดำเนินการแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างรอเปิดตัว สามารถเปิดเผยได้เพียงว่าเป็นแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับด้านทีวีและบรอดแบนด์สำหรับการใช้งานบนมือถือและแท็บเล็ต

IT Digest : อะไรที่ทำให้ติ๊กเก้อประสบความสำเร็จ
ยุคลอาจ : ส่วนตัวมองว่า 1.การที่เราทำแล้วถูกใจคนไทย 2.คุณสมบัติที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก 3.การเชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีอยู่ 4.การที่คนดังหลายคนใช้ติ๊กเก้อ จึงทำให้เกิดกระแส

IT Digest : ยอดการดาวน์โหลดติ๊กเก้อเป็นอย่างไรบ้าง
ยุคลอาจ : เราเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ ไปเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่เพิ่งผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็มียอดการดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 2.3 ล้านครั้ง แบ่งเป็นยอดการดาวน์โหลดบนไอโอเอสประมาณ 1.3 ล้านครั้ง และแอนดรอยด์ 1 ล้านครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2556) และมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 ล้านครั้ง โดยมียอดการดาวน์โหลดจากแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นเป็น 60% ไอโอเอส 40% (ข้อมูล ณ วันที่ 29 เมษายน 2556)

IT Digest : ตั้งเป้าความสำเร็จของติ๊กเก้อไว้อย่างไร
ยุคลอาจ : ถือว่าเกินกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก จากที่เราตั้งเป้าไว้ว่ามียอดดาวน์โหลดจากผู้ใช้ 2-3 แสนราย ก็น่าดีใจแล้ว เพราะเราก็ไม่แน่ใจว่าตลาดจะยอมรับผลงานของเราขนาดไหน และจากการพิจารณายอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของคนไทยด้วยกันก็มักอยู่ที่ราว 2-3 แสนดาวน์โหลด ซึ่งเป็นตัวเลขตลอดการเปิดให้ดาวน์โหลด นั่นอาจหมายถึงการเปิดตัวในหลักหลายเดือนหรือเป็นปี ไม่นับรวมแอพพลิเคชั่นด้านคีย์บอร์ดที่จะประสบความสำเร็จมากกว่านั้น

นวพันธ์ : เพราะเป้าหมายแรกของเราคือทำให้ทุกคนสนุกกับการใช้งานจึงไม่ได้คาดหวังกับตัวเลขการดาวน์โหลดมากนัก

IT Digest : ใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อ
ยุคลอาจ : ผมมองว่างบประมาณที่เราใช้คืองบประมาณด้านบุคคล เพราะเราเน้นความง่ายและรวดเร็วตั้งแต่กระบวนการพัฒนา จึงไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มงบประมาณอะไรมากนัก ในการพัฒนาก็ใช้เพียงคอมพิวเตอร์ซึ่งเรามีอยู่แล้วและเขียนโปรแกรมขึ้นมา เป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่เราใช้กำลังสมองของคนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญมากกว่าการใช้งานเครื่องจักร

IT Digest : แนวทางการสร้างรายได้จากแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อ
ยุคลอาจ : เมื่อเราคิดทำแอพพลิเคชั่นฟรี ก็มีการวางแนวทางการสร้างรายได้เอาไว้แล้ว แต่เรามีแนวทางหลักๆ คือ จะไม่ทำแบนเนอร์ไปรบกวนการใช้งาน เราไม่ต้องการเก็บรายได้จากผู้เล่น ดังนั้นก็จะไม่มีการขายติ๊กเก้อแบบพิเศษเพื่อดึงเงินจากผู้ใช้ ทางสุดท้ายที่เราจะสร้างรายได้จากแอพพลิเคชั่นติ๊กเก้อได้ก็คือการหารายได้จากกลุ่มคอร์ปอเรท หรือแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการนำสโลแกน คำพูด หรือโลโก้ของเขามาอยู่ในแอพพลิเคชั่นของเรา ซึ่งขณะนี้มีติดต่อเข้ามาหลายสิบราย โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้อาจจะได้เห็นการเพิ่มเติมของส่วนดังกล่าวบ้างแล้ว

นวพันธ์ : เราคิดแค่ว่าทุกฝ่ายต้องมีความสุข ผู้ใช้ก็ไม่ต้องเสียเงิน ลูกค้ากลุ่มคอร์ปอเรทที่สนใจก็ได้รับประโยชน์ วิธีการหารายได้จากการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นมีหลายช่องทาง แต่เราไม่ได้เน้นกับด้านดังกล่าวมากนัก รวมถึงจากจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ก็ทำให้เราไม่สามารถมุ่งไปที่การสร้างรายได้รูปแบบดังกล่าวได้มากนัก

IT Digest : วางแนวทางการพัฒนาติ๊กเก้อไว้อย่างไร
นวพันธ์ : ผู้ใช้ในระบบแอนดรอยด์จะสามารถพบการเปลี่ยนแปลงของติ๊กเก้อได้ตลอด เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบมีขั้นตอนง่ายกว่าในระบบไอโอเอส โดยในส่วนของแอนดรอยด์นั้นเราได้อัพเดทการใช้งานไปแล้วราว 1 สัปดาห์ ขณะที่ไอโอเอสก็อัพเดทแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่การพิจารณาของแอปเปิล

ยุคลอาจ : คาดว่าผู้ใช้ไอโอเอสจะสามารถใช้งานเวอร์ชั่นอัพเดทได้ภายในวันที่ 29 เมษายนนี้

IT Digest : ความสำเร็จของติ๊กเก้อ จะส่งผลให้แนวทางการพัฒนาแอพพลิเคชั่นของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
นวพันธ์ : อนาคตเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันคิดว่าคงไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงคอนเซปต์ของบริษัท เน้นความสนุกในการใช้งานเพราะเราสนุกในการพัฒนา

ยุคลอาจ : เพราะความสำเร็จในวันนี้เกินความคาดหมายไปมาก แต่เราก็ยังมีงานหลักที่ต้องพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อสนับสนุนบริษัทแม่ ซึ่งก็คงไม่เกี่ยวกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นทั่วไป

IT Digest : กำหนดแนวทางต่อยอดสู่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ในอนาคตไว้อย่างไร
นวพันธ์ : อย่างล่าสุดของติ๊กเก้อเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ เรามีการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่าตูน โดยแยกออกมาจากรูปประโยค ทำให้ผู้ใช้งานบนแอนดรอยด์สามารถตกแต่งภาพได้โดยใช้ตัวการ์ตูนดังกล่าว นอกจากนี้เรายังวางแผนให้ทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการสามารถอัพเดทได้พร้อมกันในอนาคต ส่วนการพัฒนาเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ เรากำลังทำภาษาท้องถิ่น โดยจะทำออกมาเป็นคำคม 4 ภาค ให้ผู้ใช้ติ๊กเก้อได้อัพเดทการใช้งาน พร้อมกันนี้ก็จะมีคุณสมบัติที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้เอง เช่นไม่ชอบหมวดไหนก็สามารถลบออกได้ เป็นต้น

ยุคลอาจ : ในส่วนติ๊กเก้อเราก็จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนในแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคตก็จะมีออกมาอย่างแน่นอนอีกประมาณ 2 แอพพลิเคชั่น ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นภายในไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ ซึ่งทั้ง 2 แอพพลิเคชั่นใหม่ก็จะเป็นอีกสีสันของตลาดแอพพลิเคชั่น คิดว่าในตลาดยังไม่เคยมีใครพัฒนาแอพพลิเคชั่นในลักษณะนี้มาก่อน อยากให้รอติดตามว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นประเภทไหน ใบ้ให้ว่ามี 1 แอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ส่วนอีก 1 แอพพลิเคชั่นนั้นยังบอกไม่ได้ แต่ไม่ใช่เกม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าน่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นในแบบที่คนไทยชอบอย่างแน่นอน และ 1 ใน 2 แอพพลิเคชั่นนี้ก็จะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานของคนทั่วโลก

IT Digest : คำไหนของติ๊กเก้อที่ตรงใจ และมีผู้ใช้มากที่สุด

ยุคลพันธ์ : ส่วนตัวก็ชอบแทบทุกคำ แต่จะใช้บ่อยๆ ก็คือประโยคที่เกี่ยวกับการจราจรเพราะต้องพบเจอกับปัญหารถติดอยู่บ่อยๆ ส่วนคำที่มีผู้ใช้มากที่สุดคือคำว่า สวยใสไร้เมคอัพ, ออกสื่อได้ไม่อายใคร , แจ่มแจ๋วงานวัด, สิบล้อเสียหลักยังหักหลบ

นวพันธ์ : ผมชอบทุกคำ เพราะคำพวกนี้ล้วนถูกกลั่นกรองมาแล้วโดยทีมงานซึ่งก็คือพวกเราเอง ทุกคำอาจไม่ได้โดดเด่นทั้งหมดแต่เชื่อว่าทุกคำมีสถานการณ์ที่ตรงใจและสามารถใช้งานได้หลากหลาย แต่โดยส่วนตัวจะชอบคำในหมวดการกิน

IT Digest : มองการขยายบริษัทไว้หรือไม่

ยุคลอาจ : เป็นโจทย์ที่เราจะต้องทำอยู่แล้ว บริษัทแม่ก็มีการสนับสนุนในเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่เราต้องการทีมงานที่มาจากการคัดเลือกและมีคุณภาพ ประกอบกับแรงงานด้านนี้ในประเทศไทยก็ยังมีค่อนข้างน้อย จึงยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

นวพันธ์ : โจทย์นี้อยู่ที่ว่าเราต้องการใครและเราจะขยายไปอย่างไร เราจะขยายทีมต่อเมื่อมีเป้าหมาย

IT Digest : มองกระแสแอพพลิเคชั่นในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ยุคลอาจ : ต้องมองเป็นประเภท ถ้าเป็นแอพพลิเคชั่นที่มาเป็นกระแส ก็มีโอกาสที่จะมาช่วงหนึ่งแล้วหายไป แต่เราไม่ได้มองว่าติ๊กเก้อเป็นแอพพลิเคชั่นในกลุ่มนั้น เรามองว่าผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานได้เรื่อยๆ เพราะทีมงานก็จะพัฒนาและปรับให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง แอพพลิเคชั่นของเราคือการตอบสนองคนชอบถ่ายรูปและชอบแชร์รูปสู่โซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็เชื่อว่ามีคนกลุ่มนี้เยอะมาก ตราบใดที่ยังมีคนถ่ายรูป แต่งรูป และแชร์รูปก็เชื่อว่าติ๊กเก้อจะยังคงอยู่ได้ โดยเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีวงจรของตัวเอง ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ในเวลารวดเร็ว สามารถตกแต่งรูป และแชร์ออกไปบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน

นวพันธ์ :
คำว่ากระแสน่าจะหมายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงช่วงหนึ่ง เช่น ช่วงที่ฮิตคำว่า เงียบ สงสัยจะไม่ช็อต, น้องเนยรักษ์โลก เหมือนเป็นคำที่พูดติดปาก แต่แอพพลิเคชั่นคือการใช้งาน ถ้าตราบใดที่ผู้ใช้ยังคงชื่นชอบและใช้งานอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีวันที่วงจรนั้นจะหายไป บางคนอาจบอกว่ารูปหนึ่งแทนคำพูดพันคำ แต่พวกผมมองว่ารูปที่มีคำพูดนั้นสามารถแทนคำได้เป็นหมื่นคำ ยอมรับว่าในช่วงที่เปิดให้ดาวน์โหลด 4-5 วันแรกคือกระแส แต่หลังจากนั้นเราต้องการผู้ใช้ที่ใช้งานจริงและใช้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเราก็ยึดหลักให้ติ๊กเก้อนั้นอิงกับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ จึงคิดว่าติ๊กเก้อไม่น่าจะเป็นแค่แอพพลิเคชั่นกระแสแน่นอน.

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , ,

กสทช. สั่ง 3ค่าย ส่งแผนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนเปิดบริการ 3จี

กสทช. สั่ง 3ค่าย ส่งแผนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนเปิดบริการ 3จี

กสทช. ให้ผู้รับใบอนุญาตเปิดให้บริการโทรศัพท์ระบบ 3 จีส่งแผนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จากโทรศัพท์มายัง กสทช.ก่อนการเปิดให้บริการระบบ 3 จี? หวังเป็นแนวทางควบคุมการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ให้เป็นอันตราย…

นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย กล่าวว่า ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) นั้น ก่อนที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือ 3จี ทั้ง 3 ค่าย จะเปิดให้บริการ 3 จี จะต้องส่งแผนความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility ? CSR) มาให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณา ซึ่งแผนนี้จะต้องครอบคลุมถึงเรื่องการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้แก่ ซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้แล้ว ประกอบไปด้วยสารเคมีที่มีพิษตกค้างยาวนานและสะสมในสิ่งมีชีวิต รวมทั้งยังมีโลหะหนักต่างๆ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท โครเมียม สารหน่วงการติดไฟ และสารเคมีอันตรายอื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้ถือว่าเป็นสารอันตราย ถ้าหากไม่มีระบบการจัดการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการก็จะปนเปื้อนลงสู่ดิน แหล่งน้ำ น้ำใต้ดินและในบางกรณีแพร่กระจายขึ้นสู่อากาศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์โดยตรง โดยสารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ และเกิดการสะสมในระดับที่มากเกินควรก็จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งในที่สุด

นอกจากแผนการเปิดให้เครือข่ายโทรศัพท์ระบบ 3 จีในย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่ผู้ได้รับใบอนุญาต 3 จี ของบริษัทในเครือเอไอเอส ดีแทคและทรู ต้องส่งมายัง กสทช.แล้ว ก่อนการเปิดให้บริการระบบ 3 จี ยังต้องส่งแผนความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility ? CSR) มาให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมพิจารณาด้วย ซึ่งครอบคลุมการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้แล้วที่มีสารเคมีที่มีพิษตกค้างยาวนาน โลหะหนักต่างๆ เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท โครเมียม หากไม่มีระบบการจัดการที่ถูกต้องก็จะมีการปนเปื้อนลงสู่ดิน แหล่งน้ำ แพร่กระจายสู่อากาศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

กรรมการ กสทช. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ประกาศ กสทช.ยังกำหนดให้ค่ายมือถือทั้ง 3 ค่าย จะต้องจัดทำแผนคุ้มครองผู้บริโภคมาให้บอร์ด กทค.พิจารณาก่อนเริ่มให้บริการ 3 จี ซึ่งแผนนี้จะต้องครอบคลุมถึงเรื่องมาตรการการรับเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีค่าบริการ มาตรการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสม และกระบวนการทำความเข้าใจกับประชาชนในการตั้งสถานีวิทยุคมนาคม

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , , , ,

จับตาเงื่อนไขอนุญาตทีวีรายเดิมออกอากาศคู่ขนานทีวีดิจิตอลบริการสาธารณะ

จับตาเงื่อนไขอนุญาตทีวีรายเดิมออกอากาศคู่ขนานทีวีดิจิตอลบริการสาธารณะ

?สุภิญญา กลางณรงค์? เสนอวาระบอร์ด กสท. สร้างเงื่อนไขแก่ผู้ประกอบการทีวีรายเดิมในช่องทีวีบริการสาธารณะในระบบดิจิตอลอนาคต ห้ามโฆษณาผิดกฎหมาย-เกินจริง ต้องไม่เป็นผู้รับใบอนุญาตใหม่ในระบบดิจิตอล…

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) ได้เสนอวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุมเรื่องเงื่อนไขการอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายเดิมออกอากาศคู่ขนานเพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลในสัดส่วนคลื่นความถี่ที่จัดไว้สำหรับกิจการบริการสาธารณะ โดยสืบเนื่องจากโครงการมีเดียมอนิเตอร์ ภายใต้มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา ซึ่งเป็นองค์กรวิชาการที่ดำเนินการศึกษาและเฝ้าระวังสื่ออย่างต่อเนื่องและได้รับการยอมรับจากสาธารณะ ได้จัดส่งผลการศึกษาเกี่ยวกับผังรายการเพื่อวิเคราะห์ทิศทางการประกอบกิจการเพื่อบริการสาธารณะของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีโทรทัศน์ ช่องไทยพีบีเอส เพื่อ กสท. และสำนักงาน กสทช. พิจารณาประกอบการทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรทัศน์เพื่อบริการสาธารณะ ตนเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ในช่วงการเปลี่ยนผ่านการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบอะนาล็อกไปสู่ดิจิตอล ตามที่ กสท. ได้มีมติและเปิดเผยต่อสาธารณะมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะการมีมติให้ช่องรายการโทรทัศน์ในระบบอะนาล็อกเดิมที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายซึ่งอาจจะขออนุญาตประกอบกิจการประเภทบริการสาธารณะในระบบดิจิตอลในอนาคต ออกอากาศคู่ขนานโดยใช้สัดส่วนช่องรายการที่กำหนดไว้สำหรับกิจการประเภทบริการสาธารณะ เพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลอย่างสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเป็นที่ยอมรับของสาธารณะ ตลอดจนเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ของ กสทช. อย่างโปร่งใส

กรรมการ กสทช.กล่าวต่อว่า วาระที่จะเสนอ ประกอบด้วย 1. ให้ผู้ประกอบการช่องรายการโทรทัศน์ในระบบอะนาล็อกเดิมที่ออกอากาศคู่ขนานในระบบดิจิตอล ต้องไม่ออกอากาศโฆษณาสินค้าหรือบริการที่มีลักษณะเป็นการขัดต่อกฎหมาย ประกาศ หรือระเบียบเกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลอย่างหนึ่งอย่างใด หรือมิให้มีการแพร่ภาพรายการโฆษณาขณะที่ออกอากาศคู่ขนาน

2. ให้ผู้ประกอบการช่องรายการโทรทัศน์ในระบบอะนาล็อกเดิมที่ออกอากาศคู่ขนานในระบบดิจิตอล ต้องไม่เป็นผู้รับใบอนุญาตใหม่ในระบบดิจิตอล กิจการบริการสาธารณะ ในขณะเดียวกัน และในกรณีที่หน่วยงานที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงเดียวกันเป็นผู้รับใบอนุญาตใหม่ฯ ให้ถือว่าผู้ประกอบการช่องรายการโทรทัศน์ในระบบอะนาล็อกเดิมที่ออกอากาศคู่ขนานดังกล่าวไม่มีความประสงค์และไม่มีเหตุแห่งความจำเป็นในการถือครองคลื่นความถี่ต่อ ทั้งนี้เพื่อเป็นเงื่อนไขการกระจายการถือครองคลื่นความถี่ของภาครัฐ และให้เกิดการแข่งขันในกิจการโทรทัศน์อย่างเสรีและเป็นธรรม ลดการผูกขาด เพิ่มความหลากหลายของผู้ประกอบกิจการ

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:

‘เอชพี’ออกพอร์ทโฟลิโอเทป ชูเทคโนโลยีใหม่ใช้ต้นทุนต่ำ

'เอชพี'ออกพอร์ทโฟลิโอเทป ชูเทคโนโลยีใหม่ใช้ต้นทุนต่ำ

เอชพี เผยโฉมนวัตกรรมพอร์ทโฟลิโอเทป จัดเก็บข้อมูล ?HP StoreEver? สนับสนุนเทคโนโลยี LTO-6 ชูจุดเด่นเพิ่มสมรรถนะ ความเร็ว และความสามารถในการปรับขยายระบบ พร้อมลดต้นทุนต่อกิกะไบต์…

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเอชพี ได้เปิดตัวพอร์ทโฟลิโอเทป จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver ใหม่ ซึ่งสนับสนุนเทคโนโลยี Linear Tape-Open เจเนอเรชั่นที่ 6 (LTO-6) ให้สมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น 2 เท่า และมีความเร็วเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี LTO-5 ที่มีพื้นที่การใช้งานโดยใช้เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลขนาดเดียวกัน

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver คือ พอร์ทโฟลิโอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเทปที่ครอบคลุมกว้างขวางมากที่สุดในอุตสาหกรรมไอที โดยผนวกนวัตกรรมโซลูชั่นและเทคโนโลยีชั้นนำของเอชพีเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเทปจัดเก็บข้อมูลที่มา พร้อมโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบผนวกของเอชพี หรือ HP Converged Storage ทั้งยังมีโซลูชั่น HP Data Protector และซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลของผู้ผลิตชั้นนำรายอื่นๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยี LTO-6 ใหม่ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver สามารถปกป้องและรักษาข้อมูลได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ด้วยรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานในทุกสภาวะแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นในการปรับขยายระบบความเร็ว สมรรถนะ และโครงสร้างต้นทุนต่ำ ทำให้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver เป็นโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ต้องรับมือกับบิ๊กดาต้า ซึ่งเป็นความท้าทายในปัจจุบัน เนื่องจากพอร์ทโฟลิโออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver มาพร้อมกับเทคโนโลยี LTO-6 มุ่งขับเคลื่อนลูกค้าระดับองค์กรให้มีโอกาสในการแข่งขันเพิ่มขึ้นด้วยฟีเจอร์ ได้แก่ สมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลสูงมากถึง 6.25 เทราไบต์บนเทปคาร์ทริดจ์แบบ LTO-6 บีบอัดข้อมูลได้ถึง 2.5:1 มีความเร็วในการบีบอัดข้อมูลสูงถึง 400 เมกะไบต์ต่อวินาที หรือ 1.4 เทราไบต์ต่อชั่วโมง สามารถปรับขยายสมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลและการสำรองข้อมูล

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Single Tape Drive มีความจุถึง 6.25 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver LTO-6 Tape Autoloader ความจุ 50 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Mid-Range Tape Library มีความจุ 600 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Enterprise Tape Library มีความจุถึง 44 เพตาไบต์ ทั้งยังมีต้นทุนต่อ 1 กิกะไบต์ ต่ำกว่า 1 บาท ขณะเดียวกัน ยังเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเทคโนโลยี LTO คือ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออฟไลน์ ที่ไม่ต้องมีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย จึงช่วยลดต้นทุนต่อกิกะไบต์ และต้นทุนในการเป็นเจ้าของทั้งหมด ทั้งยังทนทาน เพราะเทปที่ใช้จัดเก็บข้อมูลเป็นระบบบันทึกข้อมูลแบบแม่เหล็ก ที่มีความทนทานนานกว่าแผ่นดิสก์ นอกจากนี้ เทปคาร์ทริดจ์แบบ LTO-6 มีอายุการใช้งานนานถึง 30 ปี รองรับการเก็บรักษาข้อมูลในระยะยาวได้.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

ปิดตำนาน ‘CAT CDMA’ หลังเที่ยงคืนวันนี้

ปิดตำนาน 'CAT CDMA' หลังเที่ยงคืนวันนี้

?กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ? ซีอีโอ กสท เผยการยุติการให้บริการ CAT CDMA ภายในเที่ยงคืน เพื่อก้าวสู่เทคโนโลยี HSPA ที่ดีที่สุด ย้ำผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้บริการ my

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , ,

คัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช.วุ่น ‘พันธ์ศักดิ์’ยื่นฟ้องปธ.วุฒิ

คัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช.วุ่น 'พันธ์ศักดิ์'ยื่นฟ้องปธ.วุฒิ

?พันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา” ผู้สมัครคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ยื่นฟ้อง ปธ.วุฒิสภา ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว กรณี “นายประเสริฐ อภิปุญญา” ซุปเปอร์บอร์ด ด้านคุ้มครองผู้บริโภค มีคุณสมบัติต้องห้าม…

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา อดีตที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้สมัครคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 70 หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า วันนี้เดินทางไปยังศาลปกครองกลาง พร้อมทนายความ เพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีนายประเสริฐ อภิปุญญา ซุปเปอร์บอร์ด กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค มีคุณสมบัติต้องห้าม

?

นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา

ผู้สมัครคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะยื่นฟ้องร้องในครั้งนี้ เนื่องจากส่วนตัวได้สอบถามไปยังสำนักงาน กสทช. แล้วทราบว่า ทางสำนักงาน กสทช.ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติให้นายประเสริฐลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. ตามที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กำหนดให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ต้องลาออกจากทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา และส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุดังกล่าว

?ขณะนี้ มีความสงสัยว่านายประเสริฐอยู่ในตำแหน่งใดระหว่างรองเลขาธิการ กสทช. หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ซึ่งการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในวันนี้ หากศาลบอกสถานะว่านายประเสริฐเป็นรองเลขาธิการ ก็จะต้องสรรหาใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน? แต่หากว่าศาลรับรองการเป็นซุปเปอร์บอร์ด ก็สามารถทำงานต่อได้? นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว

ด้านนายสุกฤษฎิ์ กิตติศรีวรพันธ์ ทนายความของนายพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ จะยื่นฟ้อง นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานพิจารณาคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. กรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 9 วรรคแรก (2) ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

?

นายประเสริฐ อภิปุญญา

ขณะที่ นายประเสริฐ อภิปุญญา กล่าวว่า ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทำตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างถูกต้อง ต่อข้อถามถึงข้อเท็จจริงกรณีที่สำนักงาน กสทช. ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติการลาออกนั้น นายประเสริฐ ระบุว่า ยังไม่มีความเห็นแต่อย่างใด และขอให้ทุกขั้นตอนดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐเดิมอยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการ กสทช. และเลขานุการ กสท. ซึ่งยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. อย่างเป็นทางการ.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, ,