Archive for February, 2014

กสท.ขานรับเอกชน เตรียมปรับช่องฟรีทีวีให้ตรงกันทุกแพลตฟอร์ม

กสท.ขานรับเอกชน เตรียมปรับช่องฟรีทีวีให้ตรงกันทุกแพลตฟอร์ม

กสท.รับลูกข้อกังวลของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล เตรียมปรับให้ทุกระบบการรับชมสามารถดูทีวีดิจิตอลได้ในช่องเดียวกันทั่วประเทศ รับหวั่นประชาชนสับสน…

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า เตรียมแนวทางปรับเปลี่ยน การเรียงหมายเลขช่องทีวีดิจิตอล ให้เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการแต่ละรายเลือกไว้สำหรับการรับชมทุกแพลตฟอร์ม หมายถึงว่า ผู้ชมสามารถรับชมทีวีดิจิตอล ช่อง 1-36 ไม่ว่าจะรับชมผ่านเซตท็อปบ็อกซ์ จานดาวเทียม หรือเคเบิลทีวี หลังจากที่ผู้ประกอบการแสดงท่าทีกังวลว่าผู้ชมจะจดจำช่องไม่ได้ หากแต่ละแพลตฟอร์มเรียงหมายเลขช่องไม่ตรงกัน

สำหรับสาเหตุที่ กสท. จะหาแนวทางปรับการเรียงหมายเลขช่องให้ตรงกัน พ.อ.นที ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ได้รับใบอนุญาตเรียกร้องขอให้ปรับ และกสท.ก็กังวลว่า ประชาชนจะสับสนด้วย

ส่วนการมอบใบอนุญาตทีวีดิจิตอลแก่ผู้ประกอบการคาดว่าจะออกได้กลางเดือนมีนาคมนี้ และก่อนการออกอากาศอย่างเป็นทางการ กสทช.จะให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่อง ทดลองออกอากาศใน 3 ระดับ ภายในกรอบเวลา 90 วัน คือ ทดลองออกอากาศเป็นช่วงเวลา ทดลองออกอากาศพร้อมประกาศการออกอากาศเป็นการทั่วไป ที่สามารถรับชมได้ทุกช่องทาง และการออกอากาศภายใต้เงื่อนไขหลักเกณฑ์การประกอบกิจการจริง ส่วนจะหารายได้จากการโฆษณาช่วงทดลองออกอากาศได้หรือไม่ อยู่ระหว่างการหารือข้อกฎหมาย ซึ่งจะมีความชัดเจนต้นเดือนมีนาคมนี้?

?การทดลองออกอากาศ ช่วงแรกอาจจะทดลองเพียงแค่ 2 ชม. ก็ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ประกอบการ แต่หลังจากนั้นต้องปรับตามกำหนดเวลา? พ.อ.นทีกล่าว

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

ปั้น ‘เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น’ รุกตลาดเทคโนโลยี F5 ในไทย

ปั้น 'เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น' รุกตลาดเทคโนโลยี F5 ในไทย

“ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์” ประกาศเปิดตัวบริษัทลูก “เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น” ทำตลาดเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ F5 สยายปีกให้บริการเทคโนโลยีครบวงจร…

บริษัท ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ ประกาศเปิดตัว บริษัท บริษัท เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการ โดยทำหน้าที่เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ F5 Networks โซลูชั่นเพื่อการพัฒนาและใช้งานแอพพลิเคชั่น พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดและขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชนขนาดกลาง ด้วยการให้บริการด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร

นายโจนาธาน เจย์ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ บริษัท ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ F5 Networks และใช้เป็นช่องทางการจัดหน่ายและสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ให้กับทั้งสองบริษัท ด้วยการผสานจุดแข็งของบริษัทซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา รวมถึงความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ F5 Networks เพื่อนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า F5 Networks จะยังคงเพิ่มและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดและช่องทางใหม่ๆ ให้กับพันธมิตรคู่ค้า

ทั้งนี้ ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ กรุ๊ป เป็นพันธมิตรคู่ค้ากับ F5 Networks มานานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ F5 Networks เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยี Load- Balance โดยในปีที่ผ่านมา F5 Network ได้สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความร่วมมือระหว่างบริษัท กับ F5 Network อย่างยาวนาน นอกจากนี้ ทรานสซิสชั่น ซิสเต็มส์ ยังได้รับรางวัลตัวแทนจำหน่ายดีเด่น จาก F5 Networks (Top Distributor of the Year Award) ติดต่อกันในปี 2011 และ 2012 อีกด้วย

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ F5 ได้เปิดตัวการให้บริการในรูปแบบ New?Synthesis?Architectural Vision ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อสะท้อนศักยภาพในการให้บริการ และพันธมิตรอย่างใกล้ชิดของ F5 เชื่อว่าเอไจล์ ดิสทริบิวชั่น จะสามารถเข้ามาช่วยสนับสนุนระบบการทำงานให้มีความโดดเด่น และช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงาน และเข้าถึงแอพพลิเคชั่นการทำงานได้สูงสุด

ด้าน นายไมเคิล?เควก?ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียน?บริษัท?F5 เน็ตเวิร์คส์ กล่าวว่า ในการสนับสนุนการเติบโตของ F5 ในส่วนภูมิภาค บริษัทร่วมกับ เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น ที่จะสนับสนุนการแบ่งปันวิสัยทัศน์และศักยภาพด้าน Synthesis พร้อมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมถึงสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อประยุกต์การใช้งาน และแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านความเสี่ยงต่างๆ ให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วน นายสมชาย หิรัณยากร?กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ และเน็ตเวอร์คส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า F5 ถือเป็นซัพพลายเออร์รายแรกของเรา และได้ร่วมเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 9 ปี โดยเราได้สร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการด้าน Load-Balance ให้กับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชนและในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา F5 ได้ขยายการทำตลาดด้านซิเคียวริตี้มากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเปิดตัวบริษัท เอไจล์ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเจาะลึกและขยายตลาด โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการให้บริการแบบ Total Solution ให้สอดคล้องกับบริการของ F5 ในรูปแบบ New?Synthesis?Architectural Vision สำหรับการทำตลาดเรายังคงยึดแนวนโยบายของทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ ในการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรานซิสชั่น ซิสเต็มส์ และเน็ตเวอร์คส (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า บริษัทวางกลยุทธ์การทำตลาดของ เอไจล์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) โดยการให้บริการผ่านช่องทางจัดจำหน่ายเดิมที่มีศักยภาพแข็งแกร่งอยู่แล้ว และควบคู่ไปกับการขยายช่องทางจัดจำหน่าย โดยการคัดเลือกพันธมิตรในกลุ่ม Second Tier เพื่อเจาะตลาดองค์กรเอกชนขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมองแนวโน้มการเติบโตของตลาดเน็ตเวิร์กและซีเคียวริตี้โดยรวมในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตขึ้นโดยเฉลี่ย 20-25% ในปีนี้.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , , , ,

‘เพย์สบาย’ พัฒนารูปแบบจ่ายเงิน เอาใจขาช็อป รับโซเชียลคอมเมิร์ซ

'เพย์สบาย' พัฒนารูปแบบจ่ายเงิน เอาใจขาช็อป รับโซเชียลคอมเมิร์ซ

เพย์สบาย ประกาศเร่งเครื่องธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ พัฒนาช่องทางใหม่ในการชำระเงินเพื่อเอาใจนักช็อป เผยเทรนด์ช็อปออนไลน์โตต่อเนื่องจากการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และ 3จี?

นายสมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพย์สบาย จำกัด ผู้ให้บริการร้านค้าออนไลน์ ในเครือดีแทค กล่าวว่า ตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เพย์สบายถือเป็นเจ้าแรกในการให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ในประเทศไทย และให้บริการระบบการชำระเงินออนไลน์ สามารถช่วยกระตุ้นวงการอี-คอมเมิร์ซของไทย และเพิ่มพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยบนโลกออนไลน์ สนองพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่หันมาช็อปปิ้งบนออนไลน์ได้สนุกอย่างปลอดภัย ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจภายในประเทศสามารถเข้าถึงตลาดเป้าหมายใหม่ทั้งในประเทศและกลุ่มผู้ซื้อในต่างประเทศทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการทำตลาดและฐานกำไรทางการค้าให้กับผู้ประกอบการได้มากขึ้น อีกทั้งหมดปัญหาเรื่องช่องทางการรับชำระเงินและความลำบากในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ

ผู้จัดการทั่วไป เว็บไซต์เพย์สบาย กล่าวอีกว่า เพย์สบายมีรายได้เติบโต 25% ในปีที่ผ่านมา โดยมียอดการชำระเงินผ่านทางระบบของเพย์สบายในปีที่ผ่านมาสูงกว่า 2,000 ล้านบาท และในปี 2557 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอีก 35% จากภาพรวมที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้ใช้บริการและร้านค้าออนไลน์ต่างๆ เติบโตพร้อมกับกระแสโมบายล์อินเทอร์เน็ตบน 3จี และยอดการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเติบโตต่อเนื่อง จากเดิมพฤติกรรมที่ใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเปลี่ยนเป็นออนไลน์ สามารถเชื่อมต่อโซเชียลมีเดียได้ทุกสถานที่ทุกเวลา และสามารถช็อปปิ้งสินค้าผ่านหน้าจอได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการเติบโตของออนไลน์แบบใหม่ๆ เช่น โทรศัพท์ ธุรกิจเว็บดีล คูปองส่วนลด เกมออนไลน์ และดิจิตอลคอนเทนต์ ที่ใช้ช่องทางชำระเงินผ่านเพย์สบาย โดยสัดส่วนการชำระเงินทั่วไปแต่เดิมจะเน้นจ่ายผ่านเครดิตการ์ดเป็นหลัก แต่เพย์สบายได้ให้บริการที่หลากหลายช่องทางตามกระแสพฤติกรรมลูกค้า ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนการชำระผ่านเครดิตการ์ด 38% ช่องทางเงินสด 32% และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง 30%

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้สมัครเปิดบัญชีเพย์สบายเพื่อใช้ในการรับ-ส่งเงินกว่า 500,000 ราย โดยแบ่งเป็นฐานลูกค้าผู้ชาย 51% และผู้หญิง 49% โดยช่วงอายุ 21-30 ปี มีจำนวนมากที่สุดคือ 32% รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี มีจำนวน 28% ช่วงอายุ 41-50 ปีมีจำนวน 16% ช่วงอายุไม่เกิน 20 ปีมีจำนวน 13% และช่วงอายุ 51 ปีขึ้นไป มีจำนวน 11% ตามลำดับ

นายสมหวัง กล่าวด้วยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ Internet for All ของดีแทค ที่มีเป้าหมายต้องการให้คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียม ในปีนี้เพย์สบายจึงนำมาต่อยอดโดยปรับสู่ 3 กลยุทธ์หลักคือ 1.เพิ่มสินค้าและบริการใหม่ให้กับร้านค้าออนไลน์และผู้ใช้งานผ่านเพย์สบาย 2.เพิ่มช่องทางและขยายการตลาดการชำระเงินในออนไลน์ 3.เสริมสร้างระบบสู่ความแข็งแกร่งรองรับความปลอดภัยใช้งานในโลกออนไลน์ด้วย มาตรฐานระดับโลก โดยทั้งหมดนี้จะเริ่มดำเนินการแนะนำสู่ตลาดเพื่อกระตุ้นวงการอี-คอมเมิร์ซ ของประเทศไทยในราวไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป

สำหรับกลยุทธ์บริการใหม่ที่จะแนะนำสู่ตลาดออนไลน์และวงการอี-คอมเมิร์ซในปีนี้ได้แก่ แคชการ์ด (Cash card) หรือบัตรเงินสดใช้จ่ายผ่านโลกออนไลน์ Virtual prepaid card ที่ช่วยทำให้ผู้มีบัญชีกับเพย์สบายสามารถช็อปปิ้งบนออนไลน์ได้กับทุกเว็บไซต์ผ่านเครือข่าย Visa, MasterCard โมบายล์ เครดิตการ์ด (Mobile credit card) หรือการนำบัตรเครดิตเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการ Payment On Delivery หรือบริการ POD ที่จะให้ร้านค้าสามารถรับชำระเงินที่ปลายทางได้ ส่วนกลยุทธ์ช่องทางที่จะขยายในปีนี้จะรุกส่วนที่ลูกค้าสามารถชำระเงินสดได้ เพิ่มขึ้นที่เคาน์เตอร์ของผู้ให้บริการ อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการชำระเงินแบบผ่อนออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตกับทุกธนาคารในประเทศไทย พร้อมทั้งยังมีการชำระเงินจากต่างประเทศแบบใหม่ เช่น Alipay

ผู้จัดการทั่วไป เว็บไซต์เพย์สบาย กล่าวด้วยว่า ส่วนการเสริมสร้างระบบสู่ความแข็งแกร่งรองรับความปลอดภัยใช้งานนั้น บริษัทจะเพิ่มระบบ PCI DSS เป็นมาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูลบัตรเครดิต เพิ่มความปลอดภัยทางการเงินระดับโลกให้ลูกค้าที่ทำการชำระเงินผ่านระบบเพย์สบาย ป้องกันการโจรกรรมในโลกออนไลน์ และ Tokenization ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าในการชำระเงินให้สะดวก ปลอดภัยขึ้น โดยที่ลูกค้าทำการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในครั้งแรก เมื่อระบบจดจำค่าไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งต่อไปลูกค้าจะไม่ต้องกรอกรายละเอียดบัตรเครดิต ก็สามารถชำระเงินได้ทันทีบนความปลอดภัยที่มั่นใจได้สูงสุด โดยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการระดับโลก นอกจากนี้ คอลเซ็นเตอร์ของเพย์สบายจะเพิ่มการรองรับลูกค้าเป็น 24 ชั่วโมงอีกด้วย.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , ,

‘แคสเปอร์สกี้’ ออกฟีเจอร์ใหม่ ป้องกันผู้ใช้วินโดว์โฟนและซัมซุงเซฟ

'แคสเปอร์สกี้' ออกฟีเจอร์ใหม่ ป้องกันผู้ใช้วินโดว์โฟนและซัมซุงเซฟ

แคสเปอร์สกี้ แลป พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เสริมความปลอดภัยให้โซลูชั่น Kaspersky Security for Mobile เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร?

แคสเปอร์สกี้ แลป ประกาศเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ของโซลูชั่น Kaspersky Security for Mobile ซึ่งเป็นโมบายซีเคียวริตี้โซลูชั่นสำหรับองค์กรที่รองรับสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ รวมถึงผู้ใช้ดีไวซ์ประเภท Samsung?s SAFE เพื่อทำให้แอดมินผู้ดูแลทั้งสองแพลตฟอร์มนี้สามารถบริหารควบคุมจากส่วนกลางได้ดียิ่งกว่าเดิมทั้งข้อมูลและการใช้งานของดีไวซ์

ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีโมบายล์โฟนออกกวางจำหน่ายกว่า 1,900 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็น 5% โดยอุปกรณ์อัลตร้าโมบายล์ อาทิ แท็บเล็ต แคลมเชลดีไวซ์ และไฮบริด จะมีอัตราการเติบโตต่อปีสูงถึง 54% แซงหน้าความต้องการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเดิม ดังนั้น แคสเปอร์สกี้ แลป จึงได้พัฒนาคิดค้นศักยภาพความสามารถใหม่ๆ ของโซลูชั่นเพื่อบริหารจัดการและป้องกันด้านโมบายซีเคียวริตี้อย่างต่อเนื่อง

โดยระบบปฏิบัติการโมบายล์ของไมโครซอฟท์ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม รองจากแอนดรอยด์และไอโอเอส จากข้อมูลการวิเคราะห์โดยบริษัทวิจัยสตราติจิกอะนาลิติกส์ชี้ว่า ไมโครซอฟท์วางจำหน่ายวินโดว์โฟน 8 กว่า 36 ล้านตัวเป็นดีไวซ์ที่หลายบริษัทเลือกใช้เพราะต้องการเชื่อมโยงเป็นมาตรฐานเดียวกันบนเครือข่ายไอทีองค์กร ซึ่ง Kaspersky Security for Mobile ให้การป้องกันจากการคุกคามทางเว็บ มีฟีเจอร์ MDM ที่สามารถบริหารจัดการได้จากคอนโซลเดียวกันกับที่ลงโซลูชั่นอื่นๆ ของแคสเปอร์สกี้ ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไป เวอร์ชวลคอมพิวเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้น จึงได้รับความสะดวกในการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมาตรการป้องกันความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม

นอกจากนี้ Kaspersky Security for Mobile ยังรองรับวินโดวส์ โฟน 8 ผ่านไคลเอนท์เบสซีเคียวริตี้เอเจนท์เพื่อให้การปกป้องขณะท่องเว็บจากฟิชชิ่งและภัยไซเบอร์รูปแบบอื่นๆ ขณะเดียวกันก็รองรับ Exchange ActiveSync ดังนั้น แอดมินระบบสามารถเซตค่าซีเคียวริตี้สำหรับโมบายล์ดีไวซ์ของพนักงานแต่ละรายผ่านคอนโซลกลางได้อย่างสะดวก โซลูชั่น Kaspersky Security for Mobile มีทั้งแบบสแตนอโลนแอพพลิเคชั่น และแบบคอมโพเนนท์ของ Kaspersky Endpoint Security for Business รองรับระบบความปลอดภัยให้แก่ธุรกิจทุกขนาด

ส่วน SAFE (Samsung for Enterprise) ประกอบด้วยดีไวซ์ซัมซุงสมาร์ทโฟนและซัมซุงกาแล็คซี่ แท็บ ตามที่แอดมินตั้งค่าไว้ ดังนั้น ดีไวซ์ในโปรแกรมนี้จะรองรับ Microsoft Exchange ActiveSync, การเชื่อมต่อผ่าน VPN, การเข้ารหัสบนดีไวซ์ และการทำ MDM ซึ่งเมื่อทำงานควบคู่กับ Kaspersky Security for Mobile แล้ว โซลูชั่นดังกล่าวยังเสริมฟีเจอร์ให้แอดมินในการบริหารจัดการและซีเคียวริตี้บนเครื่องลูกข่าย ทำให้ควบคุมดูแลความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยเรียกเข้าซัมซุงดีไวซ์ผ่านโซลูชั่น Kaspersky Security for Mobile และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นกันการโจรกรรมต่างๆ ได้ อาทิ ลบทางไกล (remote-wipe) ล็อกเครื่องทางไกล (remote-lock) และการติดตามตำแหน่งเครื่องผ่านจีพีเอส นอกจากนี้ ยังควบคุมแอพพลิเคชั่นได้ตามนโยบายที่กำหนดไว้ รวมทั้งกรองคอมเทนต์ในเว็บที่เรียกใช้ได้

จิมมี่ ฟง ผู้อำนวยการด้านช่องทางการจัดจำหน่าย แคสเปอร์สกี้ แลป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ปัจจุบัน โมบายล์ดีไวซ์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันทั้งการใช้งานส่วนตัวและดำเนินธุรกิจ แคสเปอร์สกี้ แลป มุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อก้าวล้ำนำหน้าเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่จ้องหาช่องโหว่รอโจมตี อีกทั้งยังทำงานร่วมกับผู้นำอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างไมโครซอฟท์และซัมซุง จึงได้โซลูชั่นที่มีฟีเจอร์รองรับวินโดว์โฟนและซัมซุงเซฟ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้โมบายล์คอมพิวติ้ง

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใหม่สำหรับวินโดวส์ โฟน 8 และ Samsung for Enterprise นี้จะมีอยู่ใน Kaspersky Security for Mobile เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายประมาณเดือน เม.ย. นี้.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, ,

‘ดิจิตอลฮับ’ กางแผนลุยวิดีโอคอนเทนต์ ชี้กระแสมาแรง

'ดิจิตอลฮับ' กางแผนลุยวิดีโอคอนเทนต์ ชี้กระแสมาแรง

ดิจิตอล ฮับ ประกาศลุยธุรกิจวิดีโอ คอนเทนต์ เผยมีโอกาสสูงเหตุลูกค้าหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ระบุภาพรวมโฆษณาดิจิตอลปีนี้เติบโตสูง ผู้บริโภคนิยมดูคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น…

นายสรนัฐ อุนะพำนัก รองประธาน บริษัท ดิจิตอล ฮับ จำกัด ในกลุ่มบริษัท ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (FMCG) ในเครือบริษัท โอสถสภา โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดตัว THE KILLER’S HOUSE?BY OPPO N1 “Webisode” หรือการสร้างละครซีรีส์เพื่อออกอากาศบนเว็บไซต์ แทนการสร้างเป็นรูปแบบโฆษณาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ ปัจจุบัน Webisode เริ่มเข้ามามีบทบาทและเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคที่ความเร็วอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นผ่านเทคโนโลยีไร้สายอาทิ 3จี และ 4จี รวมถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแบบมีสายความเร็วอย่างบรอดแบนด์

“แคมเปญ Webisode ต่างจากภาพยนตร์โฆษณาทั่วไปตรงที่เป็นสื่อที่ใช้ต้นทุนการผลิตถูกกว่า เพราะการออกอากาศของภาพยนตร์โฆษณาผ่าน TVC นั้นคิดค่าออกอากาศเป็นวินาทีและมีมูลค่ากว่า 1 แสนบาทขึ้นไป แต่ในส่วน Webisode กลับไม่มีค่ามีเดีย ทั้งยังสามารถมีความยาวเรื่องยาวเท่าไรก็ได้ เพราะใช้เผยแพร่ทาง Youtube, Facebook หรือเว็บฝากวิดีโอรายอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้กดเข้าดูได้เองทางอินเทอร์เน็ต” นายสรนัฐ กล่าว

นอกจากนี้ จุดเด่นอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจคือระยะเวลาการรับสื่อ VDO Content ยาวนานกว่าภาพยนตร์โฆษณาใน TVC ส่งผลให้การ Engagement หรือความผูกพันต่อแบรนด์นั้นมีมากขึ้นตาม และยังได้ถ่ายทอดเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการโชว์ตัวสินค้า องค์ประกอบของสินค้า และเรื่องราวของสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้และผูกพันกับตัวแบรนด์ ทั้งนี้ สื่อดิจิตอลเป็นสื่อที่ผู้บริโภคสามารถปิดหรือละความสนใจเราได้ตลอดเวลา การทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การนำ TVC มาโฆษณาใน Digital ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก ยกเว้น TVC นั้นจะดีมากๆ จนทำให้คนต้องแชร์

นายสรนัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางภาพรวมธุรกิจโฆษณาดิจิตอลในปี 2557 นั้น ตัวเลขการเติบโตยังค่อนข้างสูง เพราะยังมีปัจจัยใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมอยู่ อาทิ พฤติกรรมของผู้คนที่เริ่มดูคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้นการเข้าถึงของสมาร์ทโฟนที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ยังกระจายออกไปถึงต่างจังหวัด รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวผลักดันให้เหล่าแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้สื่อโฆษณาดิจิตอลสูงขึ้นปัจจุบันคนใช้อินเทอร์เน็ตได้ 17,690,000 ล้านคน มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนนั้นมีคนใช้ทั้งหมด 22 ล้าน และมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือทั้งหมด 36.4 ล้านคนซึ่งตัวเลขเหล่านี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

“เป้าหมายในอนาคต ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้งานของ Digital Hub เป็นที่รู้จักของคนทุกคนซึ่งคนทุกคนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนในวงการเท่านั้นแต่หมายถึงคนทั่วไปในสังคมด้วย เรื่องรางวัลไม่ใช่ปัจจัยหลัก ไม่ได้หวังให้คนในวงการเดียวกันมาเห็นงานแล้วชมว่างานดีมากขนาดไหน แต่หวังให้งานของเราเป็นงานที่ใครๆ ได้ดูแล้วเอาไปพูดกับกลุ่มเพื่อนๆ ว่างานของเราดียังไงดีแค่ไหน” นายสรนัฐ กล่าว.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, ,

โลกาภิวัตน์ 27/02/57

โลกาภิวัตน์ 27/02/57

สองเกาหลี
องค์การอวกาศสหรัฐฯ เปิดเผยภาพถ่าย ของมนุษย์อวกาศบนสถานีอวกาศระหว่างประเทศ ถ่ายภาพตอนกลางคืนของคาบสมุทร เกาหลีและดินแดนเกาหลีเหนือ? มองเห็นเขตแดนคอมมิวนิสต์ (กลางภาพ) มืดเกือบสนิท เมื่อเทียบกับเขตเกาหลีใต้ (ทางล่างขวา) กับจีน (ทางบนซ้าย).

นาฬิกาตรวจร่างกาย

ซัมซุงได้ผลิตนาฬิกาข้อมือคอมพิวเตอร์ รุ่น ?เกียร์ 2? นอกจากบอกเวลาแล้วยังเป็นเครื่องตรวจวัดสุขภาพ ออกโชว์ตัวเป็นครั้งแรกในงาน ?โมบายล์ เวิลด์ คองเกรสส์? ที่สเปน.

เมืองในหมอก

ชาวกรุงปักกิ่งต้องผจญกับดินฟ้าอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกขณะที่รอรถเมล์อยู่ตามป้ายตามที่ต่างๆ คนหลายคนพากันใส่หน้ากากเพื่อช่วยหายใจ ทางกรมอุตุนิยม วิทยาได้ออกประกาศเตือนภัยเป็นสีเหลือง มีหมอกปกคลุมมาห้าวันติดกันแล้ว?? นอกจากจะทำให้อากาศเสียร้ายแรงแล้วยังทำให้ทัศนวิสัยมืดมัวอีกด้วย.

ตามหลังชาติอื่น

เด็กผู้ชายชาวอัฟกานิสถานเข้า ไปเล่นเน็ตในร้าน ในเมืองมาซาร์ ไอ ชาริฟ เด็กๆเหล่านี้แทบไม่มีโอกาส ศึกษาเล่าเรียนเหมือนเด็กในชาติอื่นกับเขา เนื่องด้วยเหตุการณ์ไม่สงบเป็นเวลานาน 30 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่โซเวียตบุกเมื่อ พ.ศ.2522 เป็นต้นมา พอย่างเข้าทศวรรษ พ.ศ.2533 ก็เกิดสงครามกลางเมืองเข้าอีก พอหมดจากนั้นก็ถูกกลุ่มขบถตาลีบันเข้ายึดครองต่อมาอีก 5 ปี.

?

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

กสทช.เผยศาลคงประกาศ ‘ห้ามซิมดับ’ ชี้17ล้านเลขหมายยังถูกคุ้มครอง

กสทช.เผยศาลคงประกาศ 'ห้ามซิมดับ' ชี้17ล้านเลขหมายยังถูกคุ้มครอง

กสทช. ระบุศาลปกครองกลางไม่รับคำร้องคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ประกาศห้ามซิมดับไม่สะดุด ทั้งยังมีผลคุ้มครองผู้บริโภคตลอดอายุการคุ้มครองชั่วคราวตามประกาศอยู่…

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ?CAT ผู้ให้สัมปทานคลื่น 1800เมกะเฮิรตซ์ ได้ยื่นฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ด กสทช.)?ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2556 เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามกฎหมายของ กสทช. กทค. และสำนักงาน กสทช. ในการออกประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ.2556 หรือ (ประกาศห้ามซิมดับ) และการออกคำสั่งทางปกครองเกี่ยวกับคลื่นความถี่ 1800 MHz โดยขอให้เพิกถอนประกาศฯ เรียกค่าเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมขอให้ กสทช.อนุญาตให้ CAT ใช้คลื่นความถี่ 1800เมกะเฮิรตซ์ ที่สัมปทานหมดอายุได้ตลอดไป โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาคืนคลื่นความถี่ฯ ทั้งยังมีคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษามาพร้อมกับคำฟ้องนั้น

ทั้งนี้ กสทช.ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลปกครองกลางด้วยวาจา พร้อมยื่นคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลปกครองกลาง โดยชี้แจงคัดค้านมูลเหตุแห่งคดีและโต้แย้งทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อ กฎหมาย ซึ่งทาง กสทช.เห็นว่าคำฟ้องไม่ชอบ ผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิโดยไม่สุจริต?ประกาศและกระบวนการการออกประกาศฯดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่และชอบด้วยกฎหมาย คดีนี้ไม่เป็นสาระอันควรแก่การวินิจฉัย รวมทั้งไม่มีเงื่อนไขตามกฎหมายเพียงพอที่ศาลจะสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่ ผู้ร้องมีคำขอฯ

ศาลปกครองกลางได้ตรวจพิจารณาคำฟ้อง คำชี้แจงของผู้ฟ้องคดี คำชี้แจงของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม บันทึกถ้อยคำของคู่กรณีชั้นไต่สวน รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ในสำนวนคดี และมีคำสั่งลงวันที่ 12 ก.พ.2557 ไม่รับคำฟ้องบางข้อหาไว้พิจารณา และยกคำขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองไว้ชั่วคราวก่อนการพิจารณา ส่งผลให้ข้อหาตามคำฟ้องของ CAT ใน 5 ประเด็นต้องตกไป และคำขอคุ้มครองชั่วคราวของ CAT ที่ต้องการให้ศาลสั่งระงับการใช้และหรือดำเนินการใดตามประกาศห้ามซิมดับ เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จึงต้องตกไปเช่นกัน เป็นผลดีให้ประชาชนผู้ใช้บริการที่ยังตกค้างอยู่ในระบบ 1800เมกะเฮิรตซ์ ที่หมดอายุสัมปทานไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2556 จำนวนกว่า 17 ล้านราย ยังคงได้รับการคุ้มครองตามประกาศห้ามซิมดับต่อไป

นายสุทธิพล ทวีชัยการ กสทช. ด้านกฎหมาย กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับผลของคำตัดสินของศาลปกครองกลาง ซึ่งได้ให้เหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้อย่างละเอียด ครบถ้วน โดยเฉพาะในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่าการออกประกาศห้ามซิมดับเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ซึ่งจะต้องคุ้มครองบริการโทรคมนาคมอันเป็นบริการสาธารณะไม่ให้ต้องสะดุดหยุดลง โดยได้มีกระบวนการออกประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวตามที่ CAT ขอเพื่อระงับการใช้ประกาศนี้

กสทช. ด้านกฎหมาย กล่าวอีกว่า การวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง แม้จะเป็นเรื่องการวินิจฉัยให้ไม่รับฟ้องในบางประเด็นและยกคำร้องขอคุ้มครอง ชั่วคราวเท่านั้น โดยยังไม่มีผลต่อการแพ้ชนะในเนื้อหาของคดี แต่จากคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางในครั้งนี้ก็จะส่งผลดีต่อประโยชน์ของผู้ บริโภคจำนวนมากที่ยังใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่ให้ต้องผวากลัวว่าซิมจะดับอีกต่อไป เนื่องจากคำขอที่ CAT ต้องการให้ระงับการใช้ประกาศนี้ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกไปแล้วและไม่สามารถอุทธรณ์คำสั่งของศาลในส่วนนี้ได้ จึงเป็นผลให้ขณะนี้ประกาศ ห้ามซิมดับยังมีผลคุ้มครองผู้บริโภคตลอดอายุการคุ้มครองชั่วคราวตามประกาศอยู่ ซึ่งจากนี้ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการต่อสู้ในเนื้อหาของคดีโดยเฉพาะในประเด็น ปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งตนมั่นใจว่า กสทช. มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนที่จะพิสูจน์หักล้างข้อกล่าวหาของ CAT ในทุกประเด็น

“ผลจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า การนำคดีมาฟ้องต่อศาลจะต้องระมัดระวัง ต้องตรวจสอบประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่ควรเร่งรีบฟ้องคดีเร็วจนเกินไป เพราะแม้ในเบื้องต้นจะมีการรับคำฟ้องไว้ แต่เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิฟ้อง ศาลปกครองก็จะมีอำนาจสั่งให้ไม่รับคำฟ้องในข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิ ฟ้องได้ ซึ่งเกิดขึ้นในกรณีนี้ ทั้งๆ ที่สามารถตรวจสอบให้รอบคอบก่อนได้” นายสุทธิพล กล่าว.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, ,

กูรูชี้ ‘กาแล็คซี่ เอส5′ ยังไม่โดนใจ เชื่อเคาะราคาไม่เกิน22,000บาท

กูรูชี้ 'กาแล็คซี่ เอส5' ยังไม่โดนใจ เชื่อเคาะราคาไม่เกิน22,000บาท

เซียนมือถือแตกคอ มอง “กาแล็คซี่ เอส5″ มีสิทธิ์ทั้งรุ่งและเงียบ เชื่อสเปกยังไม่แรงถูกใจคอแอนดรอยด์ แต่การเติมฟังก์ชั่นใหม่ๆ ช่วยหนุนความรู้สึกแปลกใหม่ ได้ไม่น้อย…

หลังจาก “ซัมซุง” ถือฤกษ์ดีในงานใหญ่ระดับโลกของแวดวงมือถืออย่างโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส 2014 ณ ประเทศสเปน เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดอย่าง “กาแล็คซี่ เอส5″ พร้อมอุปกรณ์ใหม่ในหมวด Wearable device เอาใจคนรักสุขภาพและการออกกำลังกาย อย่างสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ Samsung Gear Fit , Samsung Gear 2 และ Samsung Gear 2 Neo นาฬิกาอัจฉริยะ ก็ถือว่ามีกระแสตอบรับทั้งด้านบวกและด้านลบออกมาเต็มที่ เพราะมีทั้งคนปลื้มและส่ายหัวให้ ครั้งนี้ “ทีมข่าวไอทีออนไลน์” ก็ไม่พลาด ล้วงความเห็นจากบรรดาเซียนมือถือมาวิเคราะห์อนาคตของสินค้ารุ่นใหม่ของซัมซุงด้วย

“การเปิดตัวสินค้าของซัมซุงในครั้งนี้ค่อนข้างน่าประทับใจ หากเปรียบเทียบระหว่างการเปิดตัวกาแล็คซี่ ตระกูลเอส ในรุ่นที่ผ่านๆ มา ไม่นับรวมถึงกลุ่ม Wearable device ที่จะถูกอกถูกใจคนรักสุขภาพได้อย่างมาก นี่ถือเป็นจุดเด่นของซัมซุงที่เลือกเปิดศึกนี้ก่อน เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้นิยมพกพาเครื่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เหล่านี้ติดตัวมากขึ้น” นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดมหกรรมมือถืออย่างไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซโป วิเคราะห์

นายโอภาส ยังคาดการณ์อีกว่า คนที่ถือกาแล็คซี่ เอส4 อยู่ในมือก็สามารถเปลี่ยนมาซื้อกาแล็คซี่ เอส5 ได้ ถือว่ามีลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นพอสมควรทั้งจอขนาด 5.1 นิ้ว แม้จะเล็กกว่าที่คาดกันไว้ว่า 5.3 นิ้ว แต่ก็ถือว่าเป็นขนาดที่เป็นเทรนด์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึง WiFi MIMO ที่เหมาะกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย เพราะสามารถเลือกใช้งานความเร็วในการเชื่อมต่อจากไว-ไฟ หรือเลือกใช้คู่กับ 3จี เพื่อเพิ่มความเร็ว ก็คงถูกใจคนชอบใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือไม่น้อย รวมถึงคุณสมบัติกันน้ำ ก็อาจทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นเต้นกับกาแล็คซี่ เอส5

“หากให้เดาราคา เชื่อว่าน่าจะอยู่ที่ 21,000-22,000 บาท ส่วนอุปกรณ์กลุ่มสวมใส่นั้น เชื่อว่าสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพอาจจะทำตลาดในราคา 5,000-6,000 บาท ส่วนนาฬิกาอัจฉริยะอาจอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท” ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซโป กล่าว

ขณะที่ นายกิติชัย ทังนิธิรัตน์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ mxphone.com วิเคราะห์ว่า “ภาพรวมของกาแล็คซี่ เอส5 ถือว่าไม่น่าตื่นเต้น เพราะทั้งวัสดุตัวเครื่องก็ยังไม่ได้แปลกใหม่จากรุ่นเดิมๆ ในส่วนฝาหลังก็ด้วย แม้จะเปลี่ยนจากลายขลิบหนังของกาแล็คซี่ โน้ต3 มาเป็นแบบใหม่ที่เป็นลายจุดนี้ ก็ยังไม่ใช่การพลิกรูปแบบให้เป็นแบบใหม่จริง ส่วนตัวมองว่านี่คือประเด็นสำคัญเพราะคนไทยส่วนใหญ่ก็พิจารณาวัสดุด้วย ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อมือถือ”

เซียนมือถือ ผู้ก่อตั้งเว็บ mxphone.com ยังวิเคราะห์อีกว่า เรื่องของสเปกเครื่องก็มีทั้งสิ่งที่น่าผิดหวังและน่าชื่นชม ที่น่าผิดหวังก็คือสเปกเครื่องเพราะดูเหมือนซัมซุงจะค่อนข้างตันแล้วในเรื่องนี้ แม้จะมีการเพิ่มนวัตกรรมอย่างฟังก์ชั่นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแต่ก็ดูเหมือนยังไม่ให้ความแม่นยำเท่าที่ควรและไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเห็นฟังก์ชั่นนี้บนสมาร์ทโฟน ส่วนจอภาพก็น่าผิดหวัง เพราะไม่ใช่แบบ QHD ที่มีกระแสข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับเรื่องแรมซึ่งมีความจุเพียง 2GB ไม่ใช่ 3GB อย่างที่คาดกันไว้ ส่วนเรื่องที่น่าชื่นชมของกาแล็คซี่ เอส5 คงเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่าง WiFi MIMO ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของรุ่นดังกล่าวและเป็นสิ่งที่คู่แข่งอย่างไอโฟนยังไม่มี

“ในเชิงแฟชั่นอาจมีคนชื่นชอบกาแล็คซี่ เอส5 อยู่บ้าง แต่ในเชิงเทคโนโลยีซึ่งมีคนอีกไม่น้อยหวังว่าซัมซุงจะทำได้ดีกว่านี้ ก็อาจจะผิดหวังไปบ้าง เพราะสิ่งที่ออกมาครั้งนี้ถือว่ายังไม่ถึงกับดีเลิศ ส่วนความนิยมในไทย ส่วนตัวคาดว่าอาจจะยังไม่หวือหวานักเพราะรูปทรงก็ไม่ได้แปลกใหม่ จอก็ยังไม่ได้คุณภาพสูงเหมือนกระแสข่าวหลุด จึงถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาว่ากาแล็คซี่ เอส5 จะดึงดูดให้คนที่เพิ่งซื้อมือถือใหม่เมื่อปีก่อน ยอมควักเงินซื้อรุ่นใหม่ในครั้งนี้ได้หรือไม่” นายกิติชัย กล่าว

ในส่วนของราคานั้น เซียนมือถือผู้นี้ฟันธงว่า “ต้องรอดูกลยุทธ์ของซัมซุงอีกครั้ง แต่เชื่อว่าน่าจะเปิดราคาอยู่ระหว่าง 20,000-23,000 บาท ส่วนในรุ่นที่รองรับการใช้งาน LTE นั้นคาดว่าไม่น่าจะราคาเกิน 24,900 บาท เพราะจะทำให้คนหนีไปซื้อรุ่นที่สเปกสูงกว่าอย่างกาแล็คซี่ โน้ต3 แทน แต่ปัจจุบันค่ายผู้ผลิตมือถือก็หันไปทำตลาดร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ชูจุดขายเรื่องแพ็กเกจการใช้งานเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น ก็เป็นอีกกลยุทธ์การขายที่ต้องจับตาดู”

ส่วน นายประหยัด โกษาแสง บล็อกเกอร์และกูรูสมาร์ทโฟน หรือ @MobileDista บนโลกทวิตเตอร์ แสดงความเห็นว่า “ถ้าจะให้ตัดสินใจว่ากาแล็คซี่ เอส5 น่าใช้น่าซื้อหรือไม่คงยังบอกไม่ได้ตอนนี้ แม้จะมีหลายฟีเจอร์น่าสนใจหลายอย่าง ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรองรับการใช้งานได้จริงมาก-น้อยแค่ไหน แต่ในภาพรวมถือว่าโอเคกว่ากาแล็คซี่ เอส4″

กูรูสมาร์ทโฟน กล่าวอีกว่า หากเปรียบเทียบกับกาแล็คซี่ เอส4 ส่วนตัวมองว่ารุ่นดังกล่าวมีฟีเจอร์การใช้งานค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่ฟีเจอร์สำหรับการใช้งานประจำวัน ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพเครื่องอย่างเต็มที่ แต่ในรุ่นกาแล็คซี่ เอส5 นี้ถือว่ามีฟีเจอร์ไม่มากไม่น้อย และเชื่อว่าแต่ละประเภทก็สามารถรองรับการใช้งานได้ครบถ้วนและใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ในส่วนของสเปกเครื่องนั้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปได้ไม่น่าเกลียด แม้จะมีแรมมาเพียง 2GB แต่เชื่อว่าสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของซัมซุงนี้จะมีระบบการจัดการพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็อาจเป็นกลยุทธ์ในการทำราคาของซัมซุงด้วย

นายประหยัด อธิบายอีกว่า ในส่วนของ Micro SD ก็น่าสนใจเพราะสามารถเพิ่มได้สูงสุดเป็น 128GB จากเดิมที่สามารถเพิ่มได้สูงสุดเพียง 64GB ในสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ของซัมซุง ขณะที่กล้องของกาแล็คซี่ เอส5 นี้ก็มีฟีเจอร์รองรับการใช้งานได้ง่ายขึ้น ให้ประสิทธิภาพคล้ายกับกล้องระดับมืออาชีพ ส่วนวัสดุตัวเครื่องที่ยังคงเป็นพลาสติกนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเกลียดและยอมรับได้ เพราะแม้ว่าซัมซุงจะไม่ได้เปลี่ยนไปใช้วัสดุประเภทอื่น แต่ก็มีการพัฒนาให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามีการดีไซน์และไม่ใช่พลาสติกแบบไร้มูลค่า

“ปัจจุบันระยะการใช้หรือเปลี่ยนมือถือนั้นสั้นลง ประกอบกับแต่ละคนก็ไม่ได้ใช้งานมือถือแค่เครื่องเดียว บางคนมีทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์ เชื่อว่าสาวกซัมซุงที่ถือกาแล็คซี่ เอส3 อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเอส5 ในทันที รวมถึงผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นที่เก่ากว่านั้น แต่ผู้ใช้กาแล็คซี่ เอส4 อาจจะยังไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนในทันที ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็เชื่อว่ากาแล็คซี่ เอส5 จะสามารถทำตลาดได้ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาด” @MobileDista กล่าว

นายประหยัด คาดการณ์ว่า เมื่อพิจารณาหลายๆ อย่าง คาดว่ารุ่นนี้ซัมซุงอาจทำราคาต่ำลงกว่าที่เคย โดยอาจเปิดตัวในราคา 19,000-22,000 บาท เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันก็มีการปรับลดราคาเพื่อเรียกความสนใจจากผู้บริโภคด้วย.

อ่านข่าว เปิดตัวแล้ว ‘กาแล็คซี่ เอส5′ ได้ ที่นี่

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , , , ,

ผุดโรดโชว์การตลาด-โฆษณายุคดิจิตอล ครั้งแรกในเอเชียตอ.เฉียงใต้

ผุดโรดโชว์การตลาด-โฆษณายุคดิจิตอล ครั้งแรกในเอเชียตอ.เฉียงใต้

แอดเทค เตรียมจัดงานโรดโชว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก นำร่องแอดเทคอาเซียนใน 3 เมืองที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตน่าจับตา กรุงจาการ์ตา-กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ…

ดีเอ็มจีอีเวนท์ ผู้นำด้านการจัดประชุมและงานนิทรรศการสำหรับการตลาดยุคดิจิตอล ประกาศจัดกิจกรรมโรดโชว์ “ad:teach Southest Asia” เป็นครั้งแรก โดยจะจัดขึ้นที่ 3 เมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงจาการ์ตา ในวันที่ 5 พ.ค.2557 กัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 7 พ.ค.2557 และกรุงเทพฯ ในวันที่ 9 พ.ค.2557 โดยการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องก่อนการรีแบรนด์ระดับภูมิภาคของแอดเทค อาเซียน 2014 ผู้จัดงานเพื่อการตลาดแบบดิจิตอลระดับภูมิภาค ซึ่งจะจัดงานอีเวนท์ขึ้นในวันที่ 8-9 ก.ค.2557 ณ ประเทศสิงคโปร์

สำหรับปีนี้ แอดเทค จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิดการตลาดในโลกดิจิตอล (Marketing in a Digital World) เนื่องจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 40% ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 9.4% ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้กรุงจาการ์ตา กัวลาลัมเปอร์ และกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เหมาะสมที่สุดในการจัดงานโรดโชว์ เพราะทั้ง 3 เมืองดังกล่าวเปรียบเสมือนแรงผลักดันหลักในสังคมออนไลน์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีจำนวนประชากรสังคมออนไลน์ทั้งสิ้น 62 ล้านคน

จูเลีย กวาน ผู้จัดการทั่วไป ดีเอ็มจีอีเวนท์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ทุกปีเราเห็นบริษัทใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นจากงานประชุมของแอดเทค ด้วยแนวโน้มการเติบโตทางการตลาดในระดับที่สูงบวกกับการเปิดตัวงานโรดโชว์ครั้งนี้ เราหวังว่าภาคส่วนต่างๆ จากอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานและช่วยนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนในประเทศต่างๆ ที่เราจัดงานได้อย่างแท้จริง

ผู้จัดการทั่วไป ดีเอ็มจีอีเวนท์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยถือว่าก้าวล้ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในแง่ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยาวนานและมั่นคง โดยมีจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กถึง 24 ล้านคน? เพิ่มขึ้นถึง 33% ในระยะเวลา 3 เดือนในปี 2556 ขณะที่ประเทศมาเลเซียก็มีกลุ่มคนที่เรียกว่าคนสายพันธุ์ดิจิตอล คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงอันดับที่ 4 ของโลก หรือ มากกว่า 3.9 ล้านคน จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของนักการตลาดในการเพิ่มช่องทางการตลาดโดยมุ่งเน้นไปในด้านดิจิตอลในปี 2557 นี้ ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่างๆ อีกด้วย

โดยภายในงานโรดโชว์ครั้งนี้ จะมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากได้ตอบรับเข้าร่วมงานของแอดเทค 2014 โดยมีหัวข้อหลักในการบรรยาย อาทิเรื่อง โทรศัพท์มือถือ สังคม ข้อมูลเชิงลึกและสถิติ การวัดผลและการวิเคราะห์ วิดีโอ ความสามารถ การทำการตลาดโดยใช้เนื้อหาเพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย การดึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในการตลาดและการสร้างเรื่องราวในทางการตลาด การทำให้เรื่องดิจิตอลเป็นที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น การเจาะข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องในเรื่องงานออนไลน์และออฟไลน์ และกรณีศึกษาของแบรนด์ต่างๆ เป็นต้น

สำหรับคณะที่ปรึกษาของงานโรดโชว์ครั้งนี้ จะมีการจัดตั้งเพื่อทำหน้าที่เสมือนตัวแทนในงานดังกล่าว โดยตัวแทนของการจัดงานในกรุงเทพฯ ได้แก่ ณัฐธิดา รัตนวุฒิ ผู้ก่อตั้ง MarketingOops.com, พอล ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาค aCommerce, ศิวัติ เชาวรียวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร mlnteraction และ วรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร IPG Medibrans Thailand.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
,

‘กลุ่มสามารถ’ โกย 2 หมื่นล้าน เผยธุรกิจมือถือทำกำไรสูงสุด

'กลุ่มสามารถ' โกย 2 หมื่นล้าน เผยธุรกิจมือถือทำกำไรสูงสุด

กลุ่มบริษัทสามารถ เผยผลประกอบการปี 2556 รายได้รวม 22,434 ล้านบาท กำไร 1,468 ล้านบาท เติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี มั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2557 กว่า 30,000 ล้านบาท?

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2556 ว่า บริษัทประสบความสำเร็จทั้งรายได้และกำไรที่สูงสุดในรอบ 5 ปี โดยมีรายได้ 22,434 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนถึง 31% กำไรสุทธิ 1,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% โดยธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุด คือ สายธุรกิจ Mobile-Multimedia โดย บมจ.สามารถไอ-โมบาย ซึ่งมีรายได้ทั้งสิ้น 10,300 ล้านบาท และมีกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี ด้วยมูลค่า 807 ล้านบาท จากความสำเร็จในการขยายตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งมียอดขายถึง 1.7 ล้านเครื่อง จากจำนวนโทรศัพท์มือถือที่ขายได้ทั้งหมด 3.8 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟนเพิ่มกว่า 223% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 ส่วนธุรกิจคอนเทนต์มีผลประกอบการค่อนข้างคงที่ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการ MVNO ภายใต้แบรนด์ i-Mobile 3GX ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 400,000 รายในปัจจุบัน ซึ่งจากกระแสความนิยมสมาร์ทโฟนและการขยายเครือข่าย 3จี จึงมั่นใจว่ากลุ่มไอ-โมบายจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 13,000 ล้านบาท

ด้านสายธุรกิจ ICT Solutions & Services ของ บมจ.สามารถเทลคอม มีรายได้รวม 9,367 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 857 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยในปี 2556 สามารถประมูลโครงการใหม่ๆ ได้กว่า 70 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 7,107 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีสัญญาต่อเนื่องและมีผลต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถ อาทิ โครงการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวงยุติธรรม โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติของกรมที่ดิน โครงการระบบเช็กอินผู้โดยสาร (CUTE) ที่สนามบินภูเก็ต เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีงานคงค้างในมือ (Backlog) มูลค่า 7,549 ล้านบาท และในปีนี้จะเน้นการขยายบริการติดตั้งเครือข่ายเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ เช่น ระบบ Digital TV และ Digital Trunk Radio ตลอดจนการนำเสนอ ICT Solutions ที่สอดคล้องกับ Technology Trend อย่าง Cloud Computing , Big Data , Cyber Security และการให้บริการระบบ ERP ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2557 ได้ตามเป้าที่ 11,000 ล้านบาท

ส่วนสายธุรกิจ Technology Related Businesses ประกอบด้วยธุรกิจการผลิตเสาอากาศและจานดาวเทียม ธุรกิจกล้องวงจรปิด และธุรกิจ Call Center มีรายได้รวมกันกว่า 1,625 ล้านบาท โดยเฉพาะบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 219% จากโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดในกรุงเทพฯ ชลบุรี และหัวเมืองใหญ่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จะเป็นปีทองของสามารถวิศวกรรมในการสร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด จากการจำหน่ายอุปกรณ์รับสัญญาณ Digital TV ทั้ง Set top box และเสาอากาศ ทั้งในและนอกอาคาร ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านชุดในสิ้นปีนี้

ขณะที่ สายธุรกิจ Utilities & Transportations ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ประจำของกลุ่มสามารถ คือ ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด มีรายได้ราว 1,079 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวนเที่ยวบินที่สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 10% ทุกปี ส่วนโรงงานผลิตไฟฟ้ากัมปอตก็มีรายได้ราว 200 ล้านบาท ส่วนการขยายธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า โดยมีบริษัท เทด้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยสามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มสามารถกว่า 579 ล้านบาท โดยปัจจุบัน มีงานคงค้างในมือมูลค่า 1,600 ล้านบาท และล่าสุด บริษัท สามารถ ยูทราน ยังประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการติดตั้งระบบควบคุมการจราจรทางอากาศแก่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย มูลค่า 1,720 ล้านบาท

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวอีกว่า ในปีนี้ บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตของทุกสายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจไอ-โมบาย ซึ่งตั้งเป้าขายสมาร์ทโฟนจำนวน 2.8 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟน 1.2 ล้านเครื่อง รวมทั้งสิ้น 4 ล้านเครื่อง โดยชูจุดขายที่ความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพของเครื่องซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เช่น โทรศัพท์กันน้ำ บลูทูธสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์ โปรเจกเตอร์แบบพกพาสารพัดประโยชน์ เป็นต้น ด้านธุรกิจ MVNO ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าผู้ใช้บริการจำนวน 1.5 ล้านราย โดยเน้นกลยุทธ์ขายตรงและการใส่ซิมในโทรศัพท์ของไอ-โมบาย ส่วนธุรกิจคอนเทนต์นั้นบริษัทมุ่งขยายผลทางธุรกิจจากคอนเทนต์ที่มีอยู่ ครอบคลุมสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และรายการ TV ทั้งในระบบ Cable และ ระบบ Digital ในอนาคต ส่วนธุรกิจ ICT บริษัทก็มีแผนจะเข้าประมูลโครงการมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท อีกด้วย

“เป้ารายได้รวมของกลุ่มสามารถปีนี้คือ 30,000 ล้านบาท ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและดิจิตอลทีวี ประกอบกับความพร้อมของบริษัทในการขยายงานด้านไอซีทีและเทคโนโลยีอื่นๆ ก็มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวัฒน์ชัย กล่าว.

ที่มาของข้อมูลจาก
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ

Tags:
, , , ,