รู้จักเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดของ เอ380 ‘การบินไทย’
Posted by admin on
March 31, 2014
รู้จักกับเที่ยวบินที่ไกลและนานที่สุดของ แอร์บัส เอ380-800 ของ “สายการบินไทย” นั่นคือ TG930 /TG931 เส้นทางกรุงเทพฯ – ปารีส – กรุงเทพฯ ด้วยระยะทาง 9,448 กิโลเมตร หรือ 5,872 ไมล์ ใช้เวลาบินนาน 12 ชั่วโมง ส่วนสถิติไกลที่สุดเป็นของเส้นทาง กรุงเทพฯ – มาดริด TG948/949…
หลังจากที่ได้รู้จักกับเที่ยวบินที่ไกลและนานที่สุดของเครื่องบิน แอร์บัส เอ380-800 ไปแล้ว นั่นคือ เที่ยวบินที่ EK215 ของสายการบินเอมิเรตส์ ในเส้นทาง ดูไบ-ลอสแองเจลิส ไปแล้ว ก็มีท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อย สงสัยและอยากทราบว่า แล้วเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ของ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติของไทยทำสถิติไว้อย่างไร แล้วเที่ยวบินบินไกลที่สุด คือ เส้นทางใด เที่ยวบินใด
ต้องย้อนอดีตสักนิดว่า การบินไทย เคยเป็นเจ้าของสถิติระดับโลกในเรื่องของเส้นทางบินที่ไกลที่สุด และนานที่สุดเช่นกัน ด้วยเครื่องบิน แอร์บัส เอ340-500 กับเที่ยวบินที่ TG793 เส้นทาง กรุงเทพฯ – นิวยอร์ก ที่เลิกบินไปแล้วเมื่อ 1 ก.ค. 2008 ครั้งนั้นทำสถิติระยะทาง 7,539 กิโมเมตร หรือ 13,963 ไมล์ ใช้เวลาในการบินนาน 17 ชั่วโมง เรียกได้ว่า ฉิวเฉียดกับเที่ยวบินที่ไกลที่สุดในโลกของ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ อย่าง SQ21 สิงคโปร์ – นูวร์ก ที่มากกว่าอยู่ 746 กม. (ประมาณ กทม. – เชียงราย)
กลับมาที่สถิติปัจจุบันของการบินไทย สำหรับเครื่องบิน แอร์บัส เอ380-800 ของสายการบินไทย ขณะนี้ บินไกลที่สุด คือ เที่ยวบิน TG930 /TG931 เส้นทางกรุงเทพฯ – ปารีส (สนามบินชาร์ลส เดอ โกล) และปารีส – กรุงเทพฯ ระยะทาง 9,448 กิโลเมตร หรือ 5,872 ไมล์ ใช้เวลาเดินทาง ขาไปนาน 12 ชั่วโมง 40 นาที ส่วนขากลับใช้เวลา 11 ชั่วโมง (เร็วกว่าเพราะไม่ต้องบินต้านลม) ถือเป็นเส้นทางที่ให้บริการด้วยเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุด บริการบนเครื่องครบครันที่สุด ทั้งระบบสาระบันเทิง (IFE) จอภาพส่วนตัวหน้าที่นั่ง และอินเทอร์เน็ตไวไฟ บนเครื่อง Thai Sky Connnected ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อไม่นานมานี้ เที่ยวบินนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารสูงสุด 507 ที่นั่ง หรือเต็มความจุของ แอร์บัส เอ380 ของการบินไทยเลยทีเดียว
กลับมาที่สถิติอีกรอบ เพราะหากดูระยะทางแล้ว เอ380-800 ไม่ได้เป็นเครื่องบินที่บินไกลที่สุด เพราะแท้จริงแล้ว เส้นทางบินตรงที่การบินไทยทำไว้อยู่ในขณะนี้ คือ กรุงเทพฯ – มาดริด และ มาดริด – กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ TG948/949 ด้วยระยะทาง 6,335 ไมล์ หรือ 10,193 กิโลเมตร ใช้เวลา 13 ชั่วโมง 40 นาที และ 12 ชั่วโมงตามลำดับ โดยเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200/ 777-300 ในขณะนี้ (โบอิ้ง 777-200 บินได้ไกลที่สุด 9,649 กิโลเมตร) แต่ในเดือน มิ.ย. – ต.ค. จะใช้เครื่อง 777-200ER บินแทน ดังนั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง และอยากบินสะสมไมล์ของการบินไทย นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินทาง เพราะได้ไมล์เยอะแน่ๆ แล้วถ้ายิ่งชอบฟุตบอลจะนั่งไปดู ทีมเรอัล มาดริด เล่นในสนามซานติอาโก เบอนาเบว ก็ยิ่งได้ประสบการณ์อีกระดับเหมือนกัน
?
?
ส่วนผู้ที่นั่งคอย นอนคอย นอนตะแคงพลิกไปพลิกมา กระสับกระส่ายว่า การบินไทย จะนำเอาเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ มาให้บริการเมื่อไร ทางการบินไทยก็ประกาศแล้วว่า วันที่ 1 ส.ค. 2557 นี้ มาแน่ สำหรับไทยดรีมไลเนอร์ โดยจะเริ่มทดลองให้บริการในเที่ยวบิน TG9640/641 กรุงเทพฯ – นาริตะ – กรุงเทพฯ ส่วนถ้าใครอยากอัพรูปภูเขาไฟฟูจิ ขึ้นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ขณะที่กำลังบินอยู่เหนือญี่ปุ่น ก็ต้องเลือกบินเที่ยวบิน TG676/677 ที่เป็นเครื่องแอร์บัส เอ380 ที่มีบริการไวไฟไปก่อนนะ.
ที่มา : นิตยสารสวัสดี การบินไทย
?
Tags: การบินไทย, รู้จักเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดของ, เอ380รู้จักเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดของ เอ380 ‘การบินไทย’
Posted by admin on
March 30, 2014
รู้จักกับเที่ยวบินที่ไกลและนานที่สุดของ แอร์บัส เอ380-800 ของ “สายการบินไทย” นั่นคือ TG930 /TG931 เส้นทางกรุงเทพฯ – ปารีส – กรุงเทพฯ ด้วยระยะทาง 9,448 กิโลเมตร หรือ 5,872 ไมล์ ใช้เวลาบินนาน 12 ชั่วโมง ส่วนสถิติไกลที่สุดเป็นของเส้นทาง กรุงเทพฯ – มาดริด TG948/949…
หลังจากที่ได้รู้จักกับเที่ยวบินที่ไกลและนานที่สุดของเครื่องบิน แอร์บัส เอ380-800 ไปแล้ว นั่นคือ เที่ยวบินที่ EK215 ของสายการบินเอมิเรตส์ ในเส้นทาง ดูไบ-ลอสแองเจลิส ไปแล้ว ก็มีท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อย สงสัยและอยากทราบว่า แล้วเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ของ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติของไทยทำสถิติไว้อย่างไร แล้วเที่ยวบินบินไกลที่สุด คือ เส้นทางใด เที่ยวบินใด
ต้องย้อนอดีตสักนิดว่า การบินไทย เคยเป็นเจ้าของสถิติระดับโลกในเรื่องของเส้นทางบินที่ไกลที่สุด และนานที่สุดเช่นกัน ด้วยเครื่องบิน แอร์บัส เอ340-500 กับเที่ยวบินที่ TG793 เส้นทาง กรุงเทพฯ – นิวยอร์ก ที่เลิกบินไปแล้วเมื่อ 1 ก.ค. 2008 ครั้งนั้นทำสถิติระยะทาง 7,539 กิโมเมตร หรือ 13,963 ไมล์ ใช้เวลาในการบินนาน 17 ชั่วโมง เรียกได้ว่า ฉิวเฉียดกับเที่ยวบินที่ไกลที่สุดในโลกของ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ อย่าง SQ21 สิงคโปร์ – นูวร์ก ที่มากกว่าอยู่ 746 กม. (ประมาณ กทม. – เชียงราย)
กลับมาที่สถิติปัจจุบันของการบินไทย สำหรับเครื่องบิน แอร์บัส เอ380-800 ของสายการบินไทย ขณะนี้ บินไกลที่สุด คือ เที่ยวบิน TG930 /TG931 เส้นทางกรุงเทพฯ – ปารีส (สนามบินชาร์ลส เดอ โกล) และปารีส – กรุงเทพฯ ระยะทาง 9,448 กิโลเมตร หรือ 5,872 ไมล์ ใช้เวลาเดินทาง ขาไปนาน 12 ชั่วโมง 40 นาที ส่วนขากลับใช้เวลา 11 ชั่วโมง (เร็วกว่าเพราะไม่ต้องบินต้านลม) ถือเป็นเส้นทางที่ให้บริการด้วยเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุด บริการบนเครื่องครบครันที่สุด ทั้งระบบสาระบันเทิง (IFE) จอภาพส่วนตัวหน้าที่นั่ง และอินเทอร์เน็ตไวไฟ บนเครื่อง Thai Sky Connnected ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อไม่นานมานี้ เที่ยวบินนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารสูงสุด 507 ที่นั่ง หรือเต็มความจุของ แอร์บัส เอ380 ของการบินไทยเลยทีเดียว
กลับมาที่สถิติอีกรอบ เพราะหากดูระยะทางแล้ว เอ380-800 ไม่ได้เป็นเครื่องบินที่บินไกลที่สุด เพราะแท้จริงแล้ว เส้นทางบินตรงที่การบินไทยทำไว้อยู่ในขณะนี้ คือ กรุงเทพฯ – มาดริด และ มาดริด – กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ TG948/949 ด้วยระยะทาง 6,335 ไมล์ หรือ 10,193 กิโลเมตร ใช้เวลา 13 ชั่วโมง 40 นาที และ 12 ชั่วโมงตามลำดับ โดยเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200/ 777-300 ในขณะนี้ (โบอิ้ง 777-200 บินได้ไกลที่สุด 9,649 กิโลเมตร) แต่ในเดือน มิ.ย. – ต.ค. จะใช้เครื่อง 777-200ER บินแทน ดังนั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง และอยากบินสะสมไมล์ของการบินไทย นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินทาง เพราะได้ไมล์เยอะแน่ๆ แล้วถ้ายิ่งชอบฟุตบอลจะนั่งไปดู ทีมเรอัล มาดริด เล่นในสนามซานติอาโก เบอนาเบว ก็ยิ่งได้ประสบการณ์อีกระดับเหมือนกัน
?
?
ส่วนผู้ที่นั่งคอย นอนคอย นอนตะแคงพลิกไปพลิกมา กระสับกระส่ายว่า การบินไทย จะนำเอาเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ มาให้บริการเมื่อไร ทางการบินไทยก็ประกาศแล้วว่า วันที่ 1 ส.ค. 2557 นี้ มาแน่ สำหรับไทยดรีมไลเนอร์ โดยจะเริ่มทดลองให้บริการในเที่ยวบิน TG9640/641 กรุงเทพฯ – นาริตะ – กรุงเทพฯ ส่วนถ้าใครอยากอัพรูปภูเขาไฟฟูจิ ขึ้นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ขณะที่กำลังบินอยู่เหนือญี่ปุ่น ก็ต้องเลือกบินเที่ยวบิน TG676/677 ที่เป็นเครื่องแอร์บัส เอ380 ที่มีบริการไวไฟไปก่อนนะ.
ที่มา : นิตยสารสวัสดี การบินไทย
?
Tags: การบินไทย, รู้จักเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดของ, เอ380ไมโครซอฟท์ ออกชุดแอพ ‘office’ บนไอแพดแล้ว
Posted by admin on
March 29, 2014
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวชุดแอพพลิเคชั่นออฟฟิศ (office) บนไอแพด มาครบทั้ง Word Excel และ Powerpoint โหลดมาดูไฟล์ฟรี แต่ต้องสมัครรายเดือน เดือนละ 10 เหรียญ หากต้องการจะใช้แบบแก้ไขไฟล์งานได้ ขายแล้วเฉพาะในสหรัฐฯ ไอโฟนยังใช้ไม่ได้…
หลังจากเป็นข่าวลือมานานในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศเปิดตัวชุดแอพพลิเคชั่นออฟฟิศ (office) บนไอแพดแล้ว ที่งานพบสื่อในหัวข้อ การบรรจบกันของคลาวด์และโมบายล์ คอมพิวติ้ง โดยนายสัทยา นาเดลลา ซีอีโอ ของไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ในงานนี้มีการเปิดตัวชุดแอพพลิเคชั่นออฟฟิศ (office) บนไอแพด มาครบทั้ง Word Excel และ Powerpoint รวมถึงความร่วมมือกับแอปเปิล ผู้ผลิตแท็บเล็ตรายใหญ่
สำหรับชุดโปรแกรมออฟฟิศ บนไอแพด จะใช้งานได้เฉพาะไอแพดเท่านั้น ยังไม่มีเวอร์ชั่นสำหรับไอโฟน การใช้งานสามารถเปิดไฟล์ Word excel และ Powerpoint เพื่อดูเอกสาร หรือ พรีเซนเทชั่นได้ แต่ไม่สามารถเขาไปแก้ไขได้ หากต้องการแก้ไขผู้ใช้งานต้องสมัครบริการ Microsoft office365 ก่อนโดยค่าบริการคิดเดือนละ 9.99 เหรียญสหรัฐฯ หรือ ปีละประมาณ 99.99 เหรียญสหรัฐฯ โดยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีแล้วบนแอพสโตร์ ของสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีวางขายบนแอพสโตร์
ด้าน นายทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ @tim_cook ไปหานายสัทยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ว่า “Welcome to the #iPad and @AppStore! @satyanadella and Office for iPad” หรือ “ยินดีต้อนรับสู่ iPad และ App Store”
ส่วน ซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ ก็ใช้ทวิตเตอร์ @satyanadella ทวีตตอบกลับ ทิม คุก ไปว่า “Thanks @tim_cook, excited to bring the magic of @Office to iPad customers #cloud4mobile” หรือ ขอบคุณ ทิม มันตื่นเต้นมากที่ได้นำเอา พลังเวทย์ของออฟฟิศ มาสู่ผู้ใช้งานไอแพด .
ที่มา? : engadget
?
Tags: Office, บนไอแพดแล้ว, ออกชุดแอพ, ไมโครซอฟท์tags: Office, บนไอแพดแล้ว, ออกชุดแอพ, ไมโครซอฟท์
No Comments
กูรูแนะองค์กรรับมือวิกฤติโซเชียล ชี้ข้อมูลไหลเร็ว สร้างผลทั้งดี-เสีย
Posted by admin on
March 29, 2014
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จัดสัมมนาเชิงธุรกิจชี้แนวการตลาดและวิกฤติจากการใช้โซเชียลมีเดีย เตือนผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม รับมือยุคข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว?
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) จัดสัมมนาเชิงธุรกิจประจำปี 2557 ในประเด็นกลยุทธ์การทำ Content Marketing และ Social Media Crisis Management ในมุมมองของนักสื่อสารมวลชน โดย นางสาวอศินา พรวศิน Byteline Deputy Editor บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะสื่อมวลชน โดยส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดจากการใช้โซเชียลมีเดียนั้นอยู่ที่การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการนำเสนอข้อมูลผ่านช่องทางดังกล่าวสามารถถูกแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในการใช้งานโซเชียลมีเดียนั้นมีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ แต่ผู้ใช้หรือโดยเฉพาะสื่อมวลชนไม่ควรปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้น โดยควรตรวจสอบข้อความให้ดีก่อนเผยแพร่ และหากพบว่าข้อความที่เผยแพร่ออกไปนั้นผิดพลาด ก็ต้องรีบแสดงความขอโทษและแก้ไขอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการทำหน้าที่สื่อมวลชนบนโซเชียลมีเดียนั้น มีรายละเอียดหรือมิติที่ซับซ้อน ประกอบด้วยความเชื่อส่วนบุคคลและชื่อเสียงขององค์กร
นางสาวอศินา กล่าวอีกว่า ในส่วนการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อนำเสนอข้อมูลนั้น บมจ.เนชั่นฯ มีการกำหนดนโยบายการใช้โซเชียลมีเดียสำหรับผู้สื่อข่าวไว้อย่างชัดเจน โดยมีทั้งคำแนะนำการใช้งานและวิธีการรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการจัดอบรมปีละหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากองค์กรมีพนักงานใช้งานโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก จึงมีการแนะนำหรือช่วยเหลือกันอยู่เสมอ ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าหลายครั้งปัญหาที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดียนั้น ไม่ได้เกิดจากการใช้งานโซเชียลมีเดียโดยตรงแต่เกิดขึ้นจากการนำเสนอประเด็นดังกล่าวของสื่อกระแสหลัก ซึ่งเมื่อถูกนำไปเผยแพร่ก็สามารถส่งผลกระทบได้เป็นวงกว้าง
ด้าน นายอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ Product Development Manager บริษัท อินเตอร์เน็ต มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ใช้โซเชียลมีเดียในประเทศไทย นิยมใช้เพื่อเป็นพื้นที่นำเสนออารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง สำหรับการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อธุรกิจนั้น องค์กรควรให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียว่าจะสามารถควบคุมหรือจัดการได้อย่างไร เนื่องจากโซเชียลมีเดียทำให้แบรนด์สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น ทั้งจากผู้บริโภคที่ได้รับปัญหาหรือผู้ที่ตั้งใจโจมตีองค์กร ซึ่งหากมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียออกมาตำหนิเกี่ยวกับการให้บริการหรือคุณภาพสินค้าของแบรนด์ เจ้าของแบรนด์จำเป็นต้องออกมาแสดงตัว ขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ ก่อนจะค้นหาต้นตอหรือรายละเอียดและทำการชดเชยหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าที่ร้องเรียน
นายอภิศิลป์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การตอบคำถามเพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าที่มาจากโซเชียลมีเดียนั้น องค์กรไม่ควรตอบคำถามโดยระบุว่าจะรับเรื่องไว้และดำเนินการต่อไป แต่ต้องเป็นการตอบคำถามเพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหาจากการชี้แจงอย่างมีประสิทธิภาพ
นายณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง Associate Social Media Content Director : Edge Asia กล่าวว่า แม้โซเชียลมีเดียจะมีความสำคัญและถูกใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่พบว่าองค์กรจำนวนมากยังไม่มีการวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมหรือรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้บริโภคที่เข้ามาเป็นสมาชิกจากโซเชียลมีเดียขององค์กรนั้นสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท ทั้งผู้ที่มีปัญหาโดยตรง ผู้ที่ต้องการเพียงวิพากษ์วิจารณ์ ผู้ที่ต้องการโจมตีองค์กร หรือผู้ที่ต้องการเข้ามาสร้างความปั่นป่วน อย่างไรก็ตาม แผนการรับมือขององค์กรกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากช่องทางโซเชียลมีเดียนั้น จำเป็นต้องการมีฝึกอบรมทุก 6 เดือน และปรับโครงสร้างแผนงานเพื่อรองรับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
นายณัฐพัชญ์ กล่าวอีกว่า ความน่ากลัวเมื่อเกิดปัญหาบนโซเชียลมีเดียคือการกระจายอย่างรวดเร็วสู่ผู้ใช้จำนวนมาก วิธีการตอบปัญหาที่ดีขององค์กรคือต้องเริ่มต้นตั้งแต่หน่วยบริการลูกค้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกที่สามารถลดอารมณ์หรือความไม่พึงพอใจของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ ทางออกที่ดีในการชี้แจงปัญหาขององค์กร คือการเปิดช่องทางรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวและนำเสนอผ่านช่องทางเดียว เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ผู้บริโภคตลอดจนสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจประเด็นดังกล่าว.
Tags: กูรูแนะองค์กรรับมือวิกฤติโซเชียล, ชี้ข้อมูลไหลเร็ว, สร้างผลทั้งดี-เสียสปริงนิวส์ทุ่มหนัก ดึง ‘พัชระ’ นั่งแท่นซีอีโอรับทีวีดิจิตอล
Posted by admin on
March 29, 2014
‘พัชระ สารพิมพา’ ลาออกจาก อสมท เตรียมมานั่งแท่นซีอีโอ สำนักข่าวสปริงนิวส์คนใหม่ รับยุคการออกอากาศของทีวีดิจิตอล ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ด้านข่าวฟรีทีวี ด้วยการนำเอาฮาร์ดคอร์ข่าวมือฉมังของประเทศมารวมไว้ เพื่อสร้างความเหนือกว่าในด้านความรวดเร็ว และความลึกของข่าว…
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัชระ สารพิมพา ผู้อำนวยการฝ่ายคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว และเตรียมเริ่มไปทำงานใหม่ที่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์แล้วในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักข่าวสปริงนิวส์ด้วยค่าตัวเงินเดือนไม่เป็นที่เปิดเผย ซึ่งคาดว่าเงินเดือนรวมค่าตอบแทนจะสูงหลายแสนบาท
นายพัชระ กล่าวว่า ส่วนตัวยังรัก อสมท เพราะเป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดชีวิตการทำงานของตนในวิชาชีพสื่อสารมวลชน พร้อมที่จะทดแทนบุญคุณตลอดเวลา สาเหตุที่เลือกสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์เนื่องจากต้องการมาทำงานให้นายศุทธิชัย บุนนาค อดีตผู้บังคับบัญชาที่เคยอบรมสั่งสอนตอนอยู่ อสมท ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุจาก อสมท มาเป็นประธานบอร์ดสปริงนิวส์? ประกอบกับเห็นว่าสปริงนิวส์ตั้งใจทำช่องข่าวมาตั้งแต่ต้นที่ออกอากาศทางดาวเทียม จนกระทั่งมาประมูลช่องทีวีดิจิตอลเพื่อเป็น 1 ใน 7 ของช่องข่าว รวมถึงเห็นศักยภาพของทีมข่าวสปริงนิวส์ ซึ่งเชื่อว่าจะก้าวเป็นช่องข่าวที่เหนือกว่าช่องอื่นได้อย่างแน่นอน
ว่าที่ ซีอีโอสำนักข่าวสปริงนิวส์? กล่าวต่อว่า คณะผู้บริหารสปริงนิวส์ได้เห็นชอบกับแนวคิดของสถานี ที่ออกแบบมาเพื่อยึดครองความเป็นเจ้าแห่งวงการข่าวฟรีทีวีแล้ว โดยเราจะมีข่าวและรายการข่าวต่างๆ มากถึง 75% ของผังรายการ แม้ว่า กสทช. จะให้ฟรีทีวีดิจิตอลช่องข่าว มีข่าวขั้นต่ำเพียง 50% ก็ตามเพราะเรามั่นใจว่าประชาชนคนไทยชอบติดตามข่าว เราตกผลึกกันแล้วว่าหลายช่องข่าวได้ประกาศความเป็นเบอร์หนึ่ง หรือจะก้าวขึ้นชิงเบอร์หนึ่ง ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อประชาชนผู้รับชมในการมีช่องข่าวทางเลือกที่มีคุณภาพมากขึ้น แต่สปริงนิวส์วางตำแหน่งของเราว่าเราต้องเหนือกว่า ดังนั่นจึงเป็นที่มาของแคมเปญเรา ว่าเหนือกว่า (Beyond) อย่าเพิ่งเชื่อว่าเราจะทำได้ ขอให้ติดตามชม
“ขณะนี้ ไม่อยากเปิดเผยผังรายการที่สมบูรณ์ เนื่องจากเราจะโชว์อะไรบางอย่างเป็น 2 ขยัก ครั้งแรกจะปรับผังบางส่วนในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อรองรับกรณี กสทช.ให้เริ่มทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอล และครั้งต่อไปในวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ กสทช.ให้ออกอากาศจริง แง้มได้เพียงว่าเราจะเหนือกว่าด้วยความรวดเร็ว ความลึก ของข่าว เหนือกว่าด้านแพลตฟอร์มการออกอากาศบางอย่างที่ขณะนี้กำลังรอการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ชมจะเห็นฮาร์ดคอร์ข่าวมือฉมังของประเทศ มารวมตัวกันอยู่ที่สปริงนิวส์เหมือนสมัยที่ตนรวบรวมตัวจริงแห่งวงการข่าวไปไว้ที่คลื่นข่าวเอฟเอ็ม 100.5 ข่าวที่คลุมเครือๆ จะเป็นอดีตทันทีนับจากสปริงนิวส์เราออกอากาศผังที่สมบูรณ์ สังคมไทยต้องการรับข่าวสารที่ชัดเจน ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่เพียงแค่รายงานว่าใครพูดอะไร” นายพัชระ กล่าว
สำหรับนายพัชระ สารพิมพา นอกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นคลื่นข่าวอันดับ 1 จากการวัดเรตติ้งโดย เอซีนีลเซ็น บริษัทจัดอันดับความนิยม แล้ว เขายังเป็นผู้ดำเนินรายการข่าววิทยุที่ได้รับความนิยมสูงในกรุงเทพฯ โดยจัดรายการเจาะลึกประเด็นร้อนคู่นายภาคภูมิ พันธุ์สถิต จัดรายการสองมุมข่าวคู่นางสาวผกามาศ สหดิษฐกุล จัดรายการลับลวงพรางคู่นางสาววาสนา นาน่วม ทางเอฟเอ็ม 100.5 และจัดรายการข่าวเด่นประเด็นร้อนคู่นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ ทางเอฟเอ็ม 96.5 อสมท
Tags: ดึง, นั่งแท่นซีอีโอรับทีวีดิจิตอล, พัชระ, สปริงนิวส์ทุ่มหนักสื่อยุ่นลืออีก ‘ไอโฟน6′ จะมี2ขนาดคาดเปิดตัว 6ก.ย.
Posted by admin on
March 29, 2014
สื่อของญี่ปุ่นรายงานว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัวสมารทโฟนรุ่นใหม่ที่จะมี 2 ขนาดหน้าจอคาดว่าเป็น iPhone6 โดยมีขนาด 4.7 และ 5.5 นิ้วตามลำดับและจะเปิดตัวในเดือน ก.ย.นี้…
เว็บไซต์ appleinsider.com รายงานการอ้างข่าวของหนังสือพิมพ์ นิเคอิ ของประเทศญี่ปุ่นว่า ซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับแอปเปิล กำลังเริ่มผลิตชิ้นส่วนเซ็นเซอร์ และจอแสงผลในสายการผลิต โดยตรงกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าแอปเปิลจะทำไอโฟนรุ่นใหม่ให้มี 2 ขนาดหน้าจอ ที่ตรงกับบรรดานักวิเคราะห์
หลายกระแสเชื่อว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้กำลังทดลองทำสมาร์ทโฟนที่มีขนาดจอเกิน 5 นิ้ว แต่นักวิเคราะห์ นายหมิงชิ คู ของเคจีไอ ซิเคียวริตี้ ได้พิสูจน์ซ้ำหลายครั้งจากแหล่งข้อมูลที่ยืนยันได้ของแอปเปิล ว่าในอดีตที่ผ่านมา แอปเปิลยึดเกณฑ์ที่ว่าสมาร์ทโฟนของแอปเปิลจะต้องมีขนาดไม่เกิน 5 นิ้ว เพราะเป้าหมายคือการทำให้สามารถใช้สมาร์ทโฟนมือเดียวได้อย่างสะดวก
ว่ากันว่าทั้ง ค่ายชาร์ป เจแปน และแอลจี ต่างก็มีกำลังการผลิตจอแสดงผลของไอโฟน6 ในมืออยู่แล้ว และนิเคอิ ยังเชื่อว่า หน้าจอใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ จากที่แอปเปิลมีความละเอียดอยู่ที่ 326 พิกเซลต่อนิ้ว
รวมถึงกระแสข่าวลือเรื่องฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การใช้แซฟไฟร์เคลือบกระจกหน้าจอ หรือ การที่เพิ่มสเปกของกล้องไอโฟนจาก 8 ล้านพิกเซลเป็นกล้องขนาดความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f1.8 และถอดเปลี่ยนเลนส์กล้องได้.
ที่มา? : appleinsider
Tags: 6ก.ย., จะมี2ขนาดคาดเปิดตัว, สื่อยุ่นลืออีก, ไอโฟน6กูเกิล ทดลองมุมมองใหม่สำหรับอีเมล์โปรโมชั่น
Posted by admin on
March 29, 2014
ผู้ใช้งานอีเมล์ของกูเกิลบางส่วน กำลังจะได้พบกับมุมมองใหม่ๆ สำหรับอีเมล์โปรโมชั่น ที่กูเกิลกำลังทดลองหารูปแบบการแสดงเป็นรูปภาพ หรือ ‘กริดวิว’ (Grid View)…
เว็บไซต์ Mashable รายงานว่า กูเกิลกำลังทดลองมุมมองสำหรับอีเมล์โปรโมชั่นสินค้าและห้างร้านต่างๆ ของผู้ใช้งานบางส่วน ที่จะแตกต่างไปจากรูปแบบของ Gmail แบบเดิม โดยรูปแบบการแสดงใหม่นี้เรียกว่า ‘กริดวิว’ ที่เป็นการแสดงแบบรูปภาพ แทนแถบข้อความบนแท็บโปรโมชั่นในอินบ็อกซ์ ของจีเมล์
นายอารอน ร็อธแมน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ กูเกิล ระบุในบล็อกนักพัฒนาของกูเกิล (http://gmailblog.blogspot.com/2014/03/a-new-more-visual-way-to-view-your.html) ว่า จุดประสงค์ของเรื่องนี้มีแค่อย่างเดียว และเป็นเรื่องท้าทายในการเลือกดีลให้เร็วที่สุดและเสนอในสิ่งที่คนต้องการมากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานพบสิ่งที่กำลังมองหาได้เร็วขึ้น เพียงแค่ลงทะเบียนทดลองใช้งานก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูภาพจากแท็บโปรโมชั่นแท็บได้มากขึ้น
เพื่อให้หาอีเมล์ได้ง่ายขึ้น ตัวกริดวิวจึงมากับการเลื่อนขึ้นลงแบบไม่จำกัด และฟีเจอร์ตัวนี้สามารถปิดการทำงานทุกเวลาถ้าไม่ต้องการใช้ และเนื่องจากฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการทดลอง จึงไม่แน่ชัดว่ากูเกิลวางแผนจะเพิ่มเป็นส่วนเสริมของบริการจีเมล์หรือไม่ เพราะยังถูกลองใช้งานกับกลุ่มผู้ใช้ในวงจำกัด หากใครที่สนใจอยากลองใช้งานสามารถ ไปลงทะเบียนไว้กับกูเกิล เพื่ออาจได้โอกาสถูกเลือกไปลองใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้.
ที่มา? : mashable
Tags: กูเกิล, ทดลองมุมมองใหม่สำหรับอีเมล์โปรโมชั่น‘ทรูดิจิตอลพลัส’จับมือเกาหลี ผุด’Total Football Manager’เกมเอาใจนักเตะ
Posted by admin on
March 29, 2014
“ทรู ดิจิตอล พลัส” ผนึกกำลัง “นีโอวิซ” พัฒนา Total Football Manager เกมฟุตบอลฟอร์มยักษ์ ใช้คาแรกเตอร์จริงของของนักเตะลีกดัง ชูจุดเด่นเป็นเกมครอสแพลตฟอร์ม เล่นได้ผ่านเว็บ เฟซบุ๊ก และสมาร์ทโฟน?
นายมานะ ประภากมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับ นีโอวิซ ผู้พัฒนาเกมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ พัฒนา Total Football Manager เกมฟุตบอลแมเนเจอร์แห่งปี 2014 โดยเป็นเกมแนวบริหารจัดการทีมฟุตบอล ซึ่งมีฟีเจอร์สมบูรณ์แบบที่สุดในตลาด มีจุดเด่น คือการใช้ชื่อ ภาพ และความสามารถจริงของนักฟุตบอลอาชีพจากลีกชั้นนำทั่วโลก ทั้งยังเป็นเกมครอสแพลตฟอร์มครั้งแรกของไทย ที่สามารถเข้าเล่นได้ผ่านเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก รวมถึงสมาร์ทโฟนในระบบปฎิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ ทำให้ผู้เล่นสามารถบริหารจัดการทีมของตัวเองได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเกมดังกล่าวจะเปิดให้บริการในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ในเวอร์ชั่นของเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ก่อนจะขยายสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ ต่อไปทั่วโลก
นายแมน โฮ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท นีโอวิซ เกม คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่ ทรู ดิจิตอล พลัส ให้ความไว้วางใจในการร่วมพัฒนาและออกแบบระบบเกม Total Football Manager หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จในการร่วมเปิดให้บริการเกม FIFA ONLINE 2 มาก่อนหน้านี้ ซึ่งทรู ดิจิตอล พลัส มีความพร้อมทั้งด้านคุณภาพการให้บริการ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ทั้งยังเข้าใจความต้องการของผู้เล่น โดยหลายครั้งที่ทีมงานไทยนำเสนอคอนเทนต์น่าสนใจและหลากหลายให้ทีมพัฒนา ทั้งยังนำไปประยุกต์ใช้กับประเทศอื่นๆ และได้เสียงตอบรับที่ดีมาโดยตลอด ในส่วนของเกม Total Football Manager นี้ บริษัทได้รับสิทธิ์เปิดให้บริการในประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเชื่อว่าเกมดังกล่าวจะประสบความสำเร็จในทุกๆ ประเทศอย่างแน่นอน.
Tags: Football, Managerเกมเอาใจนักเตะ, ทรูดิจิตอลพลัสจับมือเกาหลี, ผุดTotalLINE บุกไทยเต็มตัว ปลื้มคนไทยเล่น Cookie Run ทะลุ10ล้าน
Posted by admin on
March 29, 2014
LINE ประเทศไทย เปิดตัวสำนักงานสุดน่ารักมุ้งมิ้ง ลั่นพร้อมรุกตลาดไทยเต็มตัว โดยทีมงานและทีมบริหารชาวไทย เผยเกม Cookie Run ทำยอดทะลุ 10 ล้านดาวน์โหลด ขึ้นแท่นเกมสุดฮิตติดอันดับ 1 ในไทย เตรียมปล่อยเกมใหม่ๆ มาเอาใจอีกเพียบ…
LINE เปิดตัวสำนักงาน LINE Plus Corporation สาขาประเทศไทยอย่างเป็นทางการ บนอาคารเอ็มไพร์ ถนนสาทร แยกช่องนนทรี ที่ถือเป็นย่านธุรกิจสำคัญในกรุงเทพฯ โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยยอดผู้ใช้กว่า 24 ล้านคน รองมาจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีผู้ใช้กว่า 50 ล้านคน นโยบายหลักที่ LINE ประเทศไทยถือเป็นหลักสำคัญ คือ การปรับใช้กลยุทธ์หรือนโยบายจากสำนักงานใหญ่ให้เหมาะกับคนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในประเทศไทย การแปลภาษาฟีเจอร์ และบริการต่างๆ เป็นภาษาไทย การคัดสรรคอนเทนต์ที่เหมาะสมและนำสมัย และล่าสุด คือ การเปิดสำนักงานในประเทศไทยพร้อมทีมงานที่เป็นคนไทย??
การเปิดสำนักงานถือเป็นการตอกย้ำว่า LINE ยึดมั่นในกลยุทธ์หลัก และให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทย เป็นอย่างมาก โดยปีนี้ LINE มีแผนรับทีมงานคนไทยเพิ่ม พร้อมกับอีก 1 ทีมที่คัดเลือกมาจาก LINE NEXT แคมเปญที่ LINE เฟ้นหานิสิต นักศึกษาจบใหม่เพื่อมาร่วมงานที่สาขาในประเทศไทย LINE Plus Corporation จะพัฒนาพนักงานคนไทยให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องไอทีระดับนานาชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และเพื่อการประสานงานกับพันธมิตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น??
ขณะนี้ เกมในแพลตฟอร์ม LINE มียอดดาวน์โหลดทั่วโลกรวมแล้วกว่า 300 ล้านครั้ง สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย LINE ได้ปล่อยเกมออกมาให้ดาวน์โหลดแล้วทั้งหมด 53 เกม รวมถึงเกม LINE Cookie Run ผจญภัยโลกแคนดี้ ที่กลายเป็นกระแสฮิตบนโซเซียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเหล่าเซเลบฯ หลายคนไม่ว่าจะเป็น Pearypie และ Jaytherabbit ก็ยังกล่าวถึงเกมนี้??
ที่สำคัญ ขณะนี้ เกม LINE Cookie Run ผจญภัยโลกแคนดี้ สร้างความฮือฮาอีกครั้งกับยอดดาวน์โหลดทะลุ 10 ล้านครั้งในประเทศไทย (18 ล้านดาวน์โหลดทั่วโลก) และขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ของชาร์ต iOS ในกลุ่มฟรีแอพฯ เป็นเวลา 40 วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.- 27 มี.ค.2557 และขึ้นเป็นอันดับ 1 ของ Google Play ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.2557?
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ LINE ยังได้ปล่อย LINE Touch Monster เกมแอ็กชั่นอาร์พีจีสุดตื่นเต้น และ LINE Rangers เกมขบวนการพิทักษ์ Sally นอกจากนี้ LINE ยังคงมุ่งมั่นเฟ้นหาเกมแนวต่างๆ เช่น อาร์พีจี เกมการ์ด เกมสไตล์ Puzzle ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นแพลตฟอร์มบนมือถือ ที่ชื่นชอบของผู้ใช้ชาวไทย
นายจินวู ลี ผู้อำนวยการ LINE ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดสำนักงานในประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า เรามุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทยเป็นอย่างมาก LINE จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้คนไทยให้ได้มากที่สุด โดยสิ้นปี 2557 นี้ เราคาดว่าจะมีผู้ใช้งานถึง 500 ล้านคนทั่วโลก.
?
Tags: Cookie, LINE, Run, ทะลุ10ล้าน, บุกไทยเต็มตัว, ปลื้มคนไทยเล่นtags: Cookie, LINE, Run, ทะลุ10ล้าน, บุกไทยเต็มตัว, ปลื้มคนไทยเล่น
No Comments
กสท. ย้ำใช้กฎ’มัสแฮฟ’บอลโลก2014 เพื่อส่วนรวม
Posted by admin on
March 29, 2014
ประธานบอร์ด กสท.ทวีตย้ำ เรื่องกฎมัสแฮฟการถ่ายทอดสดบอลโลก 2014 กำหนดไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชน ยืนยันคำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกชนแล้ว แต่การดำเนินการต้องอยู่บนหลักการ ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน…
จากความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีปัญหาระหว่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง การถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ซึ่งทาง กสทช. ประกาศบังคับให้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ผ่านทางฟรีทีวี ครบทั้ง 64 นัด ตามกฎ “Must Have” เเต่ว่า อาร์เอส จะถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีเพียงเเค่ 22 นัดเท่านั้น จนส่งผลให้อาร์เอสต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 57 พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการ กสทช. และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยระบุว่า มีคำถามว่า ในกระบวนการออกกติกา Must Have กสท. และ กสทช. ได้คำนึงถึงเอกชนที่อาจจะได้รับความเสียหายจากกติกาฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งในประกาศ Must Have ได้กำหนดไว้ว่า การดำเนินการใดๆ ที่นอกเหนือจากประกาศ ดำเนินการได้ โดยการขอรับการยกเว้นจาก กสท.
ทั้งนี้ เมื่อมีการประกาศออกไป มีผลบังคับใช้ RS ก็ได้ยื่นขอยกเว้นการปฏิบัติตามประกาศ สำหรับกรณีของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 โดยมีเหตุผลประกอบในการร้องขอ คือ ข้อจำกัดจากสัญญาที่ทำกับฟีฟ่า ซึ่งสำนักงาน กสทช. ก็ได้ขอดูสัญญาดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อ กสท. แต่ RS ไม่นำส่งสำเนาสัญญาดังกล่าว จนกระทั่งในการขอเอกสารครั้งที่ 3 สำนักงาน กสทช. ก็เปลี่ยนเป็นขอให้ RS ช่วยสรุปประเด็นสำคัญให้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจาก RS ทางสำนักงาน กสทช.จึงจำเป็นจะต้องเสนอต่อ กสท. เพื่อพิจารณาเท่าที่มีเอกสารและข้อเท็จจริงที่มีในขณะนั้น
กสท.พิจารณาแล้ว เห็นว่า RS อาจไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากเป็นชั้นสำนักงาน ดังนั้น จึงมีมติให้ขอสำเนาสัญญาประกอบการพิจารณา ซึ่งเป็นการขอสำเนาสัญญาเป็นครั้งที่ 4 ในชั้นกรรมการ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เมื่อสำนักงานรายงานกรณีดังกล่าว กสท.ก็ได้มีมติเพิ่มเติม โดยถ้า RS ไม่ส่งเอกสารสำเนาสัญญา กสท.ก็ขอให้ส่งรายละเอียดความเสียหายที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการปฏิบัติตามประกาศเป็นการขอเอกสาร เหตุผลประกอบ เพื่อประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วนของ กสท. เป็นครั้งที่ 5 และเป็นครั้งที่ 2 ในชั้นของ กสท. จนในที่สุด RS ก็ไม่ส่งเอกสาร แต่ขอถอนเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องการให้ กสท. พิจารณายกเว้นให้ตามที่กำหนดไว้ตามประกาศ กสทช.
ขณะที่ทางบริษัทเลือกไปใช้สิทธิในการฟ้องร้องเพิกถอนประกาศ Must Have ต่อศาลปกครอง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ดังนั้น จะเห็นได้ว่า กสท.ออกกติกาโดยคำนึงถึงความเสียหายของเอกชนแล้ว แต่เอกชนไม่ต้องการให้ กสท.พิจารณายกเว้นให้ตามกติกา ต่อมาศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประกาศของบริษัท RS ซึ่งมีตอนหนึ่งได้มีข้อวินิจฉัยว่า ประกาศไม่ได้ทำให้ RS ต้องปฏิบัติผิดไปจากสัญญา หรือข้อตกลง เพื่อให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์กับฟีฟ่าในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายแต่อย่างใด
สอดคล้องกับข้อมูลที่ RS แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อ 18 มี.ค. 57 ว่าสามารถจะปฏิบัติตามประกาศได้หากศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงคิดว่า กสท.ได้กำหนดประกาศกติกา Must Have เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยคำนึงถึงเอกชนที่อาจเสียหายด้วยแล้ว แต่การดำเนินการต้องมีเหตุผล หลักการที่ชัดเจนในการที่จะดำเนินการ มิเช่นนั้น กสท.ก็อาจเข้าข่ายใช้ดุลยพินิจเอื้อต่อเอกชนได้.
Tags: กสท, ย้ำใช้กฎมัสแฮฟบอลโลก2014, เพื่อส่วนรวม